ด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่งแต่เป็นทั่วทุกมุมโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้คนตื่นตัว และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของตนให้เข้าสู่การบริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากขึ้น นับเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีในปัจจุบันที่ได้ตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและยังส่งผลให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่หันมาดูแลกระบวนการต่างๆ ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เราจึงอยากกล่าวถึงบริษัทแห่งหนึ่งที่มุ่งเน้นการสร้างอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นกระบวนการผลิต ไปจนถึงมือผู้บริโภคอย่างบริษัท “SF Bay Coffee” ที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ในการนำเสนอกาแฟที่ดีที่สุดสู่ผู้บริโภค ที่ไม่เพียงดีในด้านคุณภาพของรสชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการผลิตเบื้องหลังอีกด้วย
จุดเริ่มต้นมาจากในช่วงกลางปี 1980 Pete Rogers ซีอีโอบริษัท SF Bay Coffee ได้เดินทางไปประเทศกัวเตมาลา เพื่อเรียนรู้วิธีการคั่วเมล็ดกาแฟแบบกัวเตมาลา ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ได้สัมผัสวิถีชีวิตจากฟาร์มกาแฟแห่งแรก ได้เปลี่ยนความคิดของเขาไปอย่างมาก ด้วยความรู้สึกประหลาดใจกับสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกร ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตของประเทศของผู้นำเข้า-ส่งออกหรือรับซื้อกาแฟมาจากเกษตรกร
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทฯ จึงได้ตั้งเป้าหมายแรกเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีของเกษตรกรทุกรายที่บริษัทเข้าไปติดต่อ ด้วยการซื้อกาแฟในอัตราที่สูงกว่าตลาดทั่วไป อีกทั้งยังได้เพิ่มอัตราการจ่ายผลตอบแทนให้แก่เกษตรกรมากถึงสองเท่าในบางประเทศ ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่การผลิต ด้วยการรับซื้อโดยตรงจากเกษตร เพื่อลดการต่อรองราคาจากบริษัทนำเข้า – ส่งออกกาแฟ ที่เป็นตัวกลางระหว่างบริษัทผลิตกับเกษตรกร ให้เกษตรกรได้ราคาที่เป็นกลางมากขึ้น และการรับซื้อโดยตรงยังช่วยลดระยะการขนส่งเมล็ดกาแฟในระบบอุตสาหกรรมอีกด้วย
ต่อมาจึงมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดย SF Bay Coffee ได้ก่อตั้ง กองทุนการกุศลของโรเจอร์ส เพื่อตอบแทนชุมชนของเกษตรกร อาทิ การสร้างโรงเรียน ที่อยู่อาศัย และศูนย์การแพทย์ อีกทั้งยังบริจาคต้นกาแฟนับล้านต้น ปรับปรุงอุปกรณ์ของเกษตรกร มอบองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่ฟาร์มแต่ละแห่งที่พวกเขาทำงานด้วย รวมถึงวิธีการแปรรูปของเสียจากฟาร์มแต่ละแห่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด
SF Bay Coffee ได้ก่อตั้งกองทุนการกุศลของโรเจอร์ส เพื่อตอบแทนชุมชนของเกษตรกร ทั้งยังมอบองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่ฟาร์มแต่ละแห่งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในกระบวนการมอบองค์ความรู้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรและฟาร์มนั้น SF Bay Coffee เริ่มจากพัฒนาวิธีการใหม่ๆ เพื่อลดปริมาณขยะในแต่ละวัน และในทุกประเทศที่พวกเขาทำงาน จะมีนักปฐพีวิทยา ค้นคว้าวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และดูแลผลผลิตกาแฟ ซึ่งพบว่าหนึ่งในกระบวนการที่สิ้นเปลืองทรัพยากรมากที่สุดคือช่วง Washed Process ซึ่งฟาร์มส่วนใหญ่จะใช้น้ำถึง 300 แกลลอนในการล้างกาแฟ 1 ปอนด์ SF Bay Coffee จึงได้คิดค้นวิธีการที่มีประสิทธิภาพกว่าโดยใช้แรงโน้มถ่วงผลักเมล็ดผ่านโดยไม่ต้องใช้น้ำ ทำให้ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 0.33 แกลลอนในกระบวนการนี้ ทำให้เกษตรกรและชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบสามารถใช้น้ำเพื่อทำประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคอย่างอื่นได้มากขึ้น
สุดท้ายคือการลดปริมาณขยะพลาสติกจากอุตสาหกรรม ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างหนึ่งของบริษัทฯ ในปี 2008 พวกเขาใช้วิธีการจัดการแบบนำไปทำปุ๋ยหมัก แทนการกำจัดโดยไม่นำมาใช้ประโยชน์ ต่อมาในปี 2017 บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟที่ใช้งานกับเครื่องชงแบบ single-serve ตัวแรก ที่สามารถย่อยสลายได้ โดยใช้ชื่อว่า One Cup โดยมีส่วนประกอบที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ง่ายต่อย่อยสลายเมื่ออยู่สภาวะที่เหมาะสม จึงไม่เพียงจะช่วยลดการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงช่วยละขยะหลังจากบริโภคด้วย OneCup Technology ยังมีก้นถ้วยที่สามารถย่อยสลายได้เช่นเดียวกัน และพวกเขายังวางแผนจะพัฒนาให้ OneCup สามารถย่อยสลายได้ดีขึ้นอีกภายในปี 2020
ในอนาคต SF Bay Coffee ยังคงจะทำงานอย่างแข็งขันต่อไป เพื่อการขยายนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมกาแฟ โดยขณะนี้กำลังศึกษาการใช้ประโยชน์จากกากเมล็ดกาแฟภายในฟาร์ม เช่นเดียวกับกระบวนการคั่วกาแฟที่พวกเขาสามารถประยุกต์นำของเสียจากกาแฟกลับมาใช้ประโยชน์ได้ พวกเขาตั้งเป้าไปที่การหาวิธีการนำทุกส่วนของกระบวนการแปรรูปของเสียให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ และด้วยบรรจุภัณฑ์ของ SF Bay Coffee ที่ปรับปรุงมาอย่างดีในเรื่องการย่อยสลายได้ 100% จะช่วยเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภค แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในการสร้างความยั่งยืนในชีวิตก็ตามที
บรรจุภัณฑ์ของ SF Bay Coffee ได้มีการปรับปรุงมาอย่างยอดเยี่ยม ในการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทั้งหมด 100%
โมเดลของ SF Bay Coffee ยังนับว่าเป็นการสร้างความตระหนักในอุตสาหกรรมกาแฟขนาดใหญ่ที่มีความใส่ใจต่อทั้งเกษตรกรผู้ปลูกและสิ่งแวดล้อมด้วยไปพร้อมๆ กัน ไม่เพียงเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ แต่ยังขยายไปถึงเรื่องปรับปรุงนวัตกรรม หันมาใช้เทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง และไม่ใช่แค่การผลิตกาแฟอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ, การให้ความรู้แก่เกษตรกรในการดูแลเพาะปลูก, การจัดการต่างๆ ตลอดจนสร้างควาามตระหนักให้แก่ผู้บริโภค เพราะการที่ผู้ดื่มตระหนักได้ถึงสิ่งแวดล้อมในผลิตภัณฑ์กาแฟที่เขาดื่ม จะนำไปสู่การกลับมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่พิถีพิถันและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และแปลงเป็นผลกลับมาเป็นรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้อีกด้วย
Ref: https://www.comunicaffe.com/sf-bay-coffee-strives-to-impact-world-in-environmentally-friendly-way/
Kommentare