" แน่นอนว่าทุกธุรกิจย่อมมีงบประมาณในการใช้จ่ายที่จำกัด ทางฝั่งของผู้บริโภคเองก็เช่นกัน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หรือเรียกกันว่า “วิกฤตค่าครองชีพ” ทำให้ค่าพลังงานและค่าอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "
ปฏิเสธได้ยากว่า 2 - 3 ปีที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมกาแฟได้รับผลกระทบจากหลายสถานการณ์ จนทำให้อุปสงค์-อุปทานเกิดปัญหาและการขนส่งที่ล่าช้าพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงศัตรูพืชที่คุกคามการผลิตรุนแรงขึ้นในทุก ๆ ปี ตัวอย่างเช่น สภาพอากาศที่แห้งแล้งและน้ำค้างแข็งทำให้การเก็บเกี่ยวล้มเหลวในบราซิล ซึ่งนำไปสู่การจัดส่งเมล็ดกาแฟ Green bean น้อยลง 14% ในเดือนมกราคม 2565 ส่งผลให้ราคากาแฟพุ่งสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าความต้องการก็ส่งผลต่อราคาเช่นกัน เนื่องจากผู้คนจำนวนมากบริโภคกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ซึ่งนำไปสู่การบริโภคที่สูงขึ้นทั่วโลกทำให้ความต้องการกาแฟมีมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้ราคากาแฟสูงขึ้นไปโดยปริยาย
แต่ต้องยอมรับว่าในปี 2566 สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้หายไปซะทีเดียว ผลสำรวจโดย World Coffee Portal ออกมาอธิบายถึงสถานการณ์และเทรนด์ของอุตสาหกรรมกาแฟในปีนี้ผ่านหัวข้อ “Global coffee shop trends to watch in 2023” ซึ่งพบว่า ปัญหาการขาดแรงงานในอุตสาหกรรมกาแฟยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยพนักงานร้านกาแฟและพนักงานบริการด้านอื่น ๆ หลายพันคนออกจากอุตสาหกรรมนี้ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และไม่เป็นที่น่าพอใจหากกลับมาแล้วได้รับค่าจ้างเท่าเดิม ทำให้ร้านกาแฟจำเป็นต้องทดลองเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงานจึงนำไปสู่ต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นตามมา แน่นอนว่าทุกธุรกิจย่อมมีงบประมาณในการใช้จ่ายที่จำกัด ทางฝั่งของผู้บริโภคเองก็เช่นกัน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หรือเรียกกันว่า “วิกฤตค่าครองชีพ” ทำให้ค่าพลังงานและค่าอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ทางฝั่งผู้นำรายใหญ่ของอุตสาหกรรมกาแฟกลับมองอีกมุมหนึ่ง ซึ่ง World Coffee Portal ออกมาเปิดเผยจากผลสำรวจว่า เครือร้านกาแฟรายใหญ่อย่าง Starbucks, Tim Hortons, และ Caffè Nero ล้วนมียอดขายสูงกว่ารายได้ก่อนช่วงสถาณการณ์โควิด-19 แม้ว่าตลาดร้านกาแฟส่วนใหญ่โดยรวมจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในแง่ของยอดขาย นอกจากนี้ SSP Group (บริษัทดำเนินธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าปลีกที่มีตราสินค้ามากกว่า 2,800 แห่ง มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ) ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปีนี้เป็น 33% เลยทีเดียว ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า สภาวะการค้าจะฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่และดีขึ้นในปี 2567 อย่างไรก็ตามทางฝั่งของเทรนด์ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เราขอหยิบยกผลสำรวจจากบริษัท Toast (บริษัทที่ดูแลในเรื่องหลังบ้านของอุตสาหกรรมร้านอาหารและร้านกาแฟแบบครบวงจร) หัวข้อ “Coffee Shop Industry Trends and Statistics in 2023” มาเล่าสู่กันฟัง โดยแบ่งออกเป็นประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
" ความยั่งยืนจะกลับมาเป็นวาระสำคัญอย่างชัดเจนของอุตสาหกรรมกาแฟอีกครั้งหนึ่ง โดยผู้บริโภคหรือเหล่านักดื่มกาแฟจะเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมกาแฟที่มีต่อสิ่งแวดล้อม "
1. Sustainability
ในปี 2566 ความยั่งยืนจะกลับมาเป็นวาระสำคัญอย่างชัดเจนของอุตสาหกรรมกาแฟอีกครั้งหนึ่ง โดยผู้บริโภคหรือเหล่านักดื่มกาแฟจะเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมกาแฟที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงการให้ความสำคัญกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทำกาแฟมากขึ้น อย่างการให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกรในเรื่องของรายได้ ซึ่ง Toast ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “บริษัทต่าง ๆ และผู้บริโภคสามารถทำให้ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนเกษตรที่ปลูกกาแฟพร้อมรักษาสิ่งแวดล้อม และโรงคั่วหรือร้านกาแฟที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงอุดหนุนสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก Fair Trade และ Rainforest Alliance ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเกษตรกรจะปลูกกาแฟภายใต้เงื่อนไขของการรักษาสิ่งแวดล้อม และได้รับความเป็นธรรมในราคาสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมกาแฟทั้งระบบ” นอกจากนี้ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้โครงการในเรื่องของ Eco-Packaging ถูกพับเก็บชั่วคราวจึงเกิดบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้ง (Single-use) จำนวนมาก ดังนั้นสำหรับปี 2566 การลดขยะที่เกิดจาก Packaging ใช้แล้วทิ้งจึงกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ
" ร้านกาแฟจะยังคงลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีในหลากหลายรูปแบบสำหรับธุรกิจของตนเองอย่างต่อเนื่อง"
2. Easiness
การจะทำธุรกิจร้านอาหารหรือร้านกาแฟจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้สะดวกและไวขึ้น รวมถึงยังทำให้การจัดการระบบของร้านง่ายขึ้นอีกด้วย ในปีนี้จึงคาดว่า ร้านกาแฟจะยังคงลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีในหลากหลายรูปแบบสำหรับธุรกิจของตนเองอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระบบการสั่งซื้อล่วงหน้า และการสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในกลุ่มพนักงานออฟฟิศหรือร้านย่านใจกลางเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน โดยลูกค้าสามารถสั่งออเดอร์ได้ก่อนมาถึงที่ร้านหรือสแกนได้ที่โต๊ะก็ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับร้านอาหาร หากร้านกาแฟนำมาปรับใช้ก็จะสามารถเพิ่มความสะดวกในการสั่งออเดอร์ให้กับลูกค้าได้อย่างดีเลยทีเดียว นอกจากระบบการสั่งซื้อแล้ว ในส่วนของ Solution ของคลังสินค้าที่สามารถช่วยคำนวณต้นทุน เช็คสต็อก และจัดการต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้ ถือเป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำให้ผู้ประกอบการร้านกาแฟสามารถเก็บข้อมูลและทำสถิติได้แม่นยำขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ในตลาดของการสั่งกาแฟแบบ Drive-thru ปี 2565 เติบโตขึ้นสูงถึง 54% (ผลสำรวจของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตลาดกาแฟในสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีรายได้ต่อปีถึง 80,000 ล้านดอลลาร์; รายงานจาก Stasista หัวข้อ Coffee market in the U.S. - statistics & facts) และคาดว่าในปีนี้จะยังคงเติบโตขึ้นไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตามการเพิ่มตัวช่วยด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและรวดเร็วย่อมมี Cost ตามมา ทำให้ทางร้านต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการขาดแคลนแรงงานหรือต้นทุนแรงงานสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่ค่อนข้างหนักหน่วงสำหรับผู้ประกอบการร้านกาแฟ ดังนั้นวิธีที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดคงหนีไม่พ้นการเพิ่มราคา ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การจะเพิ่มราคาจำเป็นต้องทำด้วยข้อมูลและอยู่บนหลักพื้นฐานของความเป็นจริง จึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าทุกรายการมีกำไรมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งตัวของลูกค้าเองก็สามารถยอมรับกับการขึ้นราคาได้เช่นกัน การเพิ่มราคาจึงเป็นวิธีที่ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟสามารถอยู่และเติบโตได้ในช่วงเวลาที่เจอวิกฤต
นอกจากความสะดวกสบายที่ร้านกาแฟจัดมาเสิร์ฟให้ลูกค้าผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้ว แนวโน้มของการชงกาแฟดื่มเองก็คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับการชงกาแฟถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานมากขึ้น รวมถึงการดีไซน์ที่สามารถกลายเป็นของตกแต่งบ้านได้ในตัว และความสะดวกของการสั่งซื้อเมล็ดกาแฟทางออนไลน์ที่สามารถเลือกเมล็ดที่ชอบได้ครบจบในครั้งเดียว ซึ่งใช้ระยะเวลาในการส่งไม่นาน ทำให้เทรนด์การชงดื่มเองที่บ้าน (Home brewing) ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของร้านกาแฟในปีนี้ ดังนั้นการจัดกิจกรรมเล็ก ๆ ระหว่างร้านกับลูกค้า เพื่อสร้าง Community เช่น กิจกรรม Workshop และจัดกิจกรรมการชิมหรือคั่วกาแฟ จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร้านน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงทางร้านยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
" ปัจจุบันระบบการผลิตกาแฟโรบัสตาในหลายประเทศเริ่มก้าวหน้ามากขึ้น รวมถึงยังมีการวิจัยอย่างจริงจัง ทำให้แนวโน้มของ Fine Robusta มีตัวตนในอุตสาหกรรมกาแฟเพิ่มขึ้น "
3. Fine Robusta
การเพิ่มขึ้นของโรบัสตาชั้นดี หนึ่งในเทรนด์ของปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2565 เนื่องด้วยกำลังการผลิตที่ลดลงของกาแฟอาราบิกาและปัญหาจากสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นทุกปี ทำให้กาแฟนอกสายตาอย่าง โรบัสตากลายเป็นตัวเลือกที่ดีในการบริหารจัดการต้นทุน และเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย ปัจจุบันระบบการผลิตกาแฟโรบัสตาในหลายประเทศเริ่มก้าวหน้ามากขึ้น รวมถึงยังมีการวิจัยอย่างจริงจัง ทำให้แนวโน้มของ Fine Robusta มีตัวตนในอุตสาหกรรมกาแฟเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมกาแฟบ้านเราที่ให้พื้นที่สำหรับกับกาแฟโรบัสตาคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น เวทีการประกวดกาแฟระดับประเทศที่จัดให้มีการแข่งขันกาแฟโรบัสตา รวมถึงกลุ่มคนที่สนใจในการพัฒนากลิ่นและรสชาติของกาแฟโรบัสตา อย่าง ‘Paktai Canephora’ กลุ่มของคนที่ตั้งใจเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงกาแฟโรบัสตาสู่การเป็น Fine Robusta (สามารถอ่านเรื่องราวและแนวคิดของสมาชิกกลุ่มนี้ได้ในเล่ม 60 คอลัมน์ IDOL) ดังนั้นกลุ่มคนที่สนใจโรบัสตาคุณภาพที่เพิ่มขึ้น เวทีสำหรับกาแฟโรบัสตา และการวิจัยที่มากขึ้น จึงยืนยันได้อีกเสียงว่า โรบัสตาคุณภาพจะเพิ่มสูงขึ้นในท้องตลาดของอุตสาหกรรมกาแฟปีนี้
เรียกได้ว่า 3 เทรนด์หลักและความท้าทายถือเป็นโจทย์ที่พาให้แก้กันในปี 2566 แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามร้านกาแฟต้องใช้ความคิดและเหตุผลบนสถานการณ์ปัจจุบันพอสมควรเพื่อเอาชนะความท้าทายครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็น การล็อกดาวน์ ขีดจำกัดของกำลังการผลิตกาแฟ การขาดแคลนพนักงาน และสภาวะเงินเฟ้อ แต่ปัจจุบันร้านกาแฟเริ่มแก้ปัญหากันได้แล้วในทีละโจทย์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมกาแฟที่จะกลับมาเติบโตหลังผ่านช่วงวิกฤตอันหนักหน่วง บริษัท Toast กล่าวว่า “การปรับราคา การลองรูปแบบบริการใหม่ ๆ หรือการสั่งออนไลน์ / การสั่งจองล่าวงหน้า และการเปิดรับเทคโนโลยีประเภทใหม่ ถือเป็นลูกทีมที่สามารถช่วยให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายไปได้และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ดังนั้นเทรนด์กาแฟในปีนี้นอกจากจะมีเรื่องความยั่งยืนที่เราต้องใส่ใจกันแล้ว เรื่องเทคโนโลยีและการพัฒนาของกาแฟโรบัสตาก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม รวมถึงความท้าทายในธุรกิจร้านกาแฟที่ผู้บริโภคหันมาชงกาแฟดื่มกันมากขึ้น ถือเป็นอีกโจทย์ที่ร้านกาแฟทั่วโลกต่างต้องแก้ให้ได้ ทางฝั่งของบ้านเราก็สามารถเรียนรู้จากอุตสาหกรรมกาแฟโลก เพื่อเป็นแนวทางในการรับมือได้ด้วยเช่นเดียวกัน
“การปรับราคา การลองรูปแบบบริการใหม่ ๆ หรือการสั่งออนไลน์ / การสั่งจองล่าวงหน้า และการเปิดรับเทคโนโลยีประเภทใหม่ ถือเป็นลูกทีมที่สามารถช่วยให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายไปได้และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
แหล่งอ้างอิง : http://bit.ly/3X3VXEi
Coffee Traveler
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag
Commentaires