เมื่อสแกมเมอร์ใช้ “กาแฟ” เป็นเครื่องมือฟอกเงิน
- coffeetravelermag
- 3 days ago
- 1 min read

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนำข้อมูลเข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการตำรวจว่า พบเครือข่ายสแกมเมอร์ที่นำเงินได้จากการหลอกลวงออนไลน์ ไปซื้อทรัพย์สินหรือสินค้าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยหนึ่งในสินค้าที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีการนำไปซื้อเพื่อ “ฟอก” คือ ผลผลิตกาแฟในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจากคำชี้แจงนั้น สะท้อนภาพว่าเครือข่ายการเงินมืดกำลังใช้ช่องว่างของระบบการค้าและสินค้าจริงเพื่อกลบที่มาของเงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย แต่คำกล่าวอ้างถึงของ ส.ส. ต่อที่ประชุมนั้น ก็ไม่ได้บอกถึงแหล่งข้อมูล สถานที่ หรือหลักฐานอันเป็นที่ประจักษ์ แต่รายงานการอภิปรายดังกล่าว ก็เป็นเบาะแสและจุดเริ่มต้นของการตรวจสอบ
ข้อมูลตอนต้นจากที่ประชุมนี้ไม่ใช่เพียงคำกล่าวในสภาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนเบาะแสเชื่อมโยงกับชุดข่าวและการจับกุมที่ปรากฏในสื่อท้องถิ่นและรายงานสืบสวนในช่วงปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายละเอียด พบเครือข่ายการซื้อขายเมล็ดกาแฟ ราคาต่ำ การถือครองธุรกิจหน้ากาก (front businesses) และการใช้เส้นทางการค้าชายแดนเป็นช่องทางขนย้ายสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับรูปแบบ “การล้างเงินผ่าน supply chain” ที่ปรากฏในรายงานสากลหลายฉบับ
การจับกุมและคดีในพื้นที่เชียงรายในช่วง 2024 – 2026 มีรายงานข่าวหลายชิ้นในสื่อที่เชื่อมโยงการจับกุมการฟอกเงินและเครือข่ายสแกมเมอร์กับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ชายแดน ตัวอย่างที่สื่อรวบรวมได้มีทั้งการจับกุมผู้ที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับแก๊งออนไลน์ การยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจการท้องถิ่น (ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ) และเบาะแสการซื้อผลผลิตการเกษตรด้วยเงินที่มาจากการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและเอกสารการซื้อขาย ซึ่งบางคดียังอยู่ระหว่างสอบสวน ดำเนินคดี
ในรายงานของสื่อระบุว่า ในกรณีบางคดี ผู้ต้องหาไม่สนใจมูลค่ากำไรจากการซื้อขายจริง แต่เน้นการเปลี่ยนสถานะของทรัพย์สินหรือเงินสดให้กลายเป็นรายได้ที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย เช่น ซื้อเมล็ดกาแฟจำนวนมาก แล้วจ้างให้มีการขายต่อในตลาดในประเทศ หรือจดทะเบียนกิจการร้านกาแฟหรือโรงงานแปรรูปเป็นธุรกิจที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินกลับพบความผิดปกติของบัญชีและการเคลื่อนไหวของเงินทุน ที่เชื่อมโยงกับบัญชีเครือข่ายสแกมเมอร์ที่หลอกลวงชาวต่างชาติออนไลน์
ข้อสังเกตสำคัญจากการรายงานพบว่า หลายการจับกุมอ้างถึงการใช้ธุรกิจท้องถิ่นเป็นหน้ากาก แต่เอกสารสาธารณะที่เปิดเผยยังมีจำกัด เช่น บันทึกการยึดทรัพย์หรือคำฟ้องที่สรุปสาธารณะไม่ละเอียดเท่าที่ต้องการทำให้การพิสูจน์เชิงสืบสวนต้องอาศัยการเข้าถึงเอกสารศาล หรือฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐโดยตรง ก่อนนำเสนอข้อสรุปเชิงยืนยัน
กรณีศึกษานอกประเทศกับรูปแบบ “coffee laundering” ในรายงานสากล
จากประสบการณ์ของต่างประเทศ จะช่วยให้เราเห็นกรอบพฤติกรรมที่ควรจับตา พบรายงานสืบสวนจากองค์กรอิสระ ที่ชี้ให้เห็นรูปแบบการใช้ supply chain ของกาแฟเป็นเครื่องมือในการซ่อนเงิน ในรายงานเชิงสืบสวนของกลุ่มที่ศึกษาห่วงโซ่อุปทานกาแฟ เช่น Coffee Watch หรือ China Labor Watch พวกเขาพบแนวปฏิบัติที่เรียกว่า “ghost farms” หรือฟาร์มผี และการตั้งบริษัทบังหน้า เพื่อนำเมล็ดกาแฟเข้ามาใน supply chain ที่ถูกกฎหมาย เพื่อซ่อนแหล่งที่มาของสินค้าจริง และเงินที่ได้จากการกระทำผิด ซึ่งรูปแบบนี้ทำได้ง่าย ในบริบทที่ระบบตรวจสอบต้นกำเนิดยังไม่เข้มแข็ง และการข้ามพรมแดนมีขั้นตอนบริหารที่หละหลวม
ในยุโรปและสหรัฐฯ มีกรณีที่ธุรกิจเครื่องดื่ม ใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน โดยการเพิ่มการซื้อขายหมุนเวียน (buy-sell transactions) เพื่อสร้างหลักฐานรายรับที่ดูถูกกฎหมาย ถึงแม้จะไม่ใช่ “กาแฟ” เสมอไป แต่แบบแผนทางบัญชีและระบบโลจิสติกส์ที่สแกมเมอร์ใช้มีความคล้ายคลึงกัน คือการซื้อเข้ามาในราคาถูก จดบัญชีขายในราคาปกติหรือสูงกว่า แล้วชำระผ่านระบบที่ทำให้เงินกลับมาเป็นรายได้ถูกกฎหมายของกิจการ ในรายงานเชิงสืบสวนเหล่านี้เป็น precedent ที่ใช้ตั้งคำถามต่อกรณีชายแดนไทย – ลาว ได้โดยไม่ต้องถือว่าเป็นการยืนยัน แต่เป็นเครื่องเตือนภัยถึงรูปแบบโครงสร้างที่นิยมใช้กัน
แล้วทำไม “กาแฟ” ถึงถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินได้ง่าย
จากการวิเคราะห์เชิงสืบสวนและข้อมูลจากแวดวงการค้ากาแฟขององค์กรต่าง ๆ ได้ข้อสรุปและข้อได้เปรียบเชิงปฏิบัติที่ทำให้กาแฟเหมาะต่อการใช้ฟอกเงินดังนี้ กาแฟคือสินค้าเป็นมวล ผสมผสานได้ง่าย เพราะเมล็ดกาแฟจากหลายแหล่งสามารถผสมรวมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจพบความผิดปกติทันทีในตลาดแมส ทำให้การปะปน (blending) ถูกใช้เพื่อปกปิดแหล่งที่มาได้ง่าย มีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน มีหลายชั้นของคนกลาง คือจากฟาร์มไปสู่สหกรณ์ ต่อไปที่ผู้ส่งออก และเข้าสู่พ่อค้า และไปที่โรงคั่ว จนจบกระบวนการที่ผู้ค้ารายย่อย ซึ่งทั้งหมดจะเห็นได้ว่ามันมีหลายจุดที่เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของหรือต้นกำเนิด สามารถเปลี่ยนหรือบิดเบือนได้

การข้ามพรมแดนและมีด่านชายแดนหลายจุด โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีพรมแดนท้องถิ่น มีการค้าชายแดน ทำให้การเคลื่อนย้ายเมล็ดจำนวนมาก อาจถูกส่งผ่านช่องทางที่ตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึง มีมูลค่าต่อหน่วยไม่สูงมากนักจนผิดสังเกตง่าย การซื้อขายเมล็ดจำนวนนับตัน อาจไม่สะดุดตาเหมือนการซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาล จึงสามารถ “กลบ” ที่มาของเงินได้โดยไม่ดึงความสนใจจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ สุดท้ายคือความต้องการของตลาดที่หลากหลาย เพราะมีตลาดแมสและตลาดพรีเมียม ทำให้ผู้แสวงหาประโยชน์ สามารถเลือกเส้นทางจำหน่าย เพื่อให้ระบบบัญชีดูเหมือนถูกกฎหมาย เช่น ตั้งกิจการโรงคั่ว แล้วส่งขายในตลาด เป็นต้น
ด้วยข้อแม้เหล่านี้รวมกัน ทำให้กาแฟกลายเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ต่อการใช้เป็นช่องทางฟอกเงินในบริบทที่การตรวจสอบต้นทางและการติดตามล็อตสินค้าไม่ได้ประสิทธิผลเท่าที่ควร
เมื่อนำปัจจัยเชิงพื้นที่และผลการจับกุมในอดีตมาพิจารณาแล้ว เราจะพบเหตุผลเชิงตรรกะหลายประการที่ชี้ว่าจังหวัดเชียงรายมีความเสี่ยงสูง และมีความเป็นไปได้สูง ในการถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ตั้งแต่เรื่องของภูมิศาสตร์และชายแดน ด้วยความที่จังหวัดเชียงรายอยู่ใกล้ชายแดนสามประเทศ คือ ลาว พม่า และลาวยังเชื่อมต่อกับเวียดนามผ่านเส้นทางการค้าที่หลากหลาย ซึ่งอำนวยความสะดวกต่อการขนส่งข้ามพรมแดน และการใช้ช่องทาง รี-เอ็กซ์พอร์ต หรือ รี – ฉลากสินค้า ได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเป็นเขตปลูกกาแฟที่สำคัญของไทย จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงมีการปลูกกาแฟจำนวนมาก ทั้งอาราบิกาและโรบัสตาในบางพื้นที่ ทำให้มีการซื้อขายเมล็ดกาแฟเป็นปริมาณมาก ซึ่งหากไม่มีระบบติดตามล็อต (lot tracing) ที่แข็งแรง ก็อาจถูกใช้เป็นทางผ่าน การเปลี่ยนสถานะของเงินได้ พบประวัติการจับกุมในหลายคดี จากการสืบค้นพบกรณีการจับกุมในพื้นที่ภาคเหนือ ที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรมการฟอกเงิน หรือการจัดตั้งร้านค้าบังหน้า รวมถึงคำชี้แจงจากผู้แทนในสภา ทำให้คล้ายกับ pattern ที่รายงานสากลระบุว่า เป็นจุดอ่อนทางกฎหมายและปฏิบัติการ (pattern of vulnerability)
สุดท้ายคือโครงสร้างธุรกิจท้องถิ่นที่มีรายย่อยอยู่จำนวนมาก การมีร้านกาแฟขนาดเล็ก โรงงานแปรรูปแบบครัวเรือน และธุรกิจการเกษตรรายย่อยจำนวนมากนั้น ทำให้การตรวจสอบเชิงบัญชี และการติดตามเส้นทางเงินจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งผู้กระทำผิดอาจใช้ประโยชน์ผ่านการจดทะเบียนกิจการหลายแห่งเพื่อกระจายเงิน
ด้วยเหตุผลข้างต้นทั้งหมดนี้ ทำให้จังหวัดเชียงรายจึงมีความเป็นไปได้สูง ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่จะถูกใช้เป็นพื้นที่ผ่านเงินสกปรกเหล่านี้ โดยเฉพาะหากไม่มีการยกระดับระบบการตรวจสอบย้อนกลับและการตรวจสอบบัญชีธุรกิจในท้องถิ่น รวมถึงการคุมเข้มด่านชายแดน
เพื่อป้องกันไม่ให้กาแฟกลายเป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน ควรมีมาตรการต่อเนื่อง เช่นการสร้างระบบการตรวจสอบย้อนกลับของล็อตสินค้า (Lot-level Tracking) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกิจการท้องถิ่นที่มีปริมาณซื้อขายผิดปกติ เพราะบัญชีธุรกิจที่มีการซื้อเมล็ดจำนวนมาก แต่รายงานขายไม่สอดคล้อง ควรเป็นเป้าตรวจสอบทางบัญชี (Forensic accounting) เสริมการทำงานร่วมกันระหว่างศุลกากร ตำรวจ ป.ป.ช. และหน่วยงานการเกษตร เช่น กรมวิชาการเกษตร เพื่อมีข้อมูลการนำเข้าหรือส่งออก ต้องถูกเชื่อมโยงกับทะเบียนฟาร์มและผู้ส่งออก เพื่อป้องกันการ รี-เอ็กซ์พอร์ต สร้างโปรแกรมที่สามารถตรวจจับ เช่น การซื้อจำนวนมากโดยผู้ซื้อรายใหม่ ๆ ส่งเสริมความโปร่งใสของผู้ค้าและผู้คั่ว โดยให้รางวัลหรือการรับรองสำหรับแบรนด์ที่เปิดเผยแหล่งที่มา ช่วยสร้างแรงจูงใจทางการตลาดให้เป็นธุรกิจที่สุจริต เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้ ต้องร่วมมือกันระหว่างภาครัฐฯ เอกชน และสังคมพลเมือง เพื่อให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพทั้งในเชิงปฏิบัติและเชิงนโยบาย
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
Facebook : Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag



Comments