top of page

Announcing the winner for the 2021 SCA



Specialty Coffee Association (SCA) ประกาศผู้เข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขัน 2021 SCA Awards โดยจัดขึ้นทางออนไลน์เป็นครั้งแรก ซึ่งรางวัล SCA ประจำปี 2021 ประกอบไปด้วย 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ The Best New Product Awards), Coffee Design Awards และ Sustainability Awards ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SCA Awards ที่เปิดตัวในปีนี้ โดยเน้นการตระหนักถึงความเป็นเลิศในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การออกแบบและความยั่งยืนของอุตสาหกรรม รางวัลการออกแบบกาแฟปีนี้มอบโดย Tricor Braun ส่วนรางวัลด้านความยั่งยืนมอบโดย Farmer Brothers ผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายและผลงานทั้งหมดที่ส่งเข้าชิงรางวัล The Best New Product และ Coffee Design Awards จะอยู่บนจอแสดงผลดิจิทัลบน New in Coffee และ Design in Coffee ตามลำดับ


ล่าสุดทางสมาคมกาแฟพิเศษได้ประกาศผลรางวัล The Best New Product Awards และ Coffee Design Awards ออกมาแล้ว โดยรางวัลผลิตภัณฑ์ใหม่ยอดเยี่ยม (The Best New Product Awards) จำนวน 10 รางวัล จาก 20 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย และรางวัลการออกแบบกาแฟ (Coffee Design Awards) จำนวน 5 รางวัล จาก 9 ผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายเช่นเดียวกัน



The winner of The Best New Product Awards 🏆



Varia Brewing

Varia Brewing เป็นอุปกรณ์เตรียมและเสิร์ฟกาแฟ โดยไม่ใช้ไฟฟ้า Varia Brewing เป็นเครื่องชงกาแฟอเนกประสงค์ โดยมีให้เลือกวิธีการชงด้วยกัน 3 แบบ คือ Stovetop Espresso, French Press, และ Pour Over และยังสามารถกำหนดการชงแบบCold brew และชงแบบชาได้อีกด้วย


• • • • • • • •



Ode Brew Grinder

เป็นเครื่องบดกาแฟไฟฟ้า เพื่อชงกาแฟในแบบ French Press, Pour Over และ Cold Brew รวมถึงการชงในรูปแบบอื่นๆ Ode Brew Grinder เป็นเครื่องบดกาแฟที่ออกแบบมาให้มีความแม่นยำในการบด โดยมีใบมีดแบบ Flat Burrs 64 มม. บดได้ 31 ครั้ง ในการโหลดกาแฟเพียง 1 ครั้ง และมีระบบหยุดอัตโนมัติอีกด้วย


• • • • • • • •



Baby HardTank

Baby HardTank เป็นเทคโนโลยีการชง Cold Brew ที่ครบวงจร เป็นเครื่องที่สามารถทำ Cold Brew ได้อย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งชั่วโมงสามารถสกัดกาแฟออกมาได้ถึง 4.5 ลิตร และสามารถคงรสชาติของกาแฟไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากกระบวนการหมักและการกลั่นแบบผสมผสานร่วมกับระบบตัวกรองชั้นในที่เป็นสแตนเลสสตีล ทำให้มั่นใจได้ว่ากาแฟจะไม่มีรสชาติขมและฝาด นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมทำความสะอาดอัตโนมัติอีกด้วย สามารถล้างและทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน


• • • • • • • •



Touch 03

Touch 03 ออกแบบโดย Tone Kaffeemaschinen Ag ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ผลิตเครื่องชงกาแฟและชาแบบไร้หม้อต้ม ยกระดับการชงกาแฟขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบการการชงของ Touch 03 ช่วยควบคุณอุณหภูมิของน้ำให้คงที่ เมื่อชงกาแฟเสร็จ สามารถเปลี่ยนเป็นชงชาได้ทันที โดยไม่มีปัญหาเรื่องความแตกต่างของอุณหภูมิ อีกทั้งยังสามารถกำหนดปริมาณของน้ำที่จะต้มตั้งแต่ 250 มล. ถึง 2 ลิตร และยังปรับการไหลของน้ำได้ ทำให้สามารถปรับสูตรการชงได้อย่างง่ายดาย


• • • • • • • •



Sparkling Botanicals

ยกระดับเครื่องดื่มขึ้นไปอีกขั้นกับ Sparkling Botanicals เครื่องดื่มชาแบบมีฟองฟู่เช่นเดียวกับโซดา ด้วยส่วนผสมจากพืชพรีเมี่ยมและชาระดับไฮเอนด์ ซึ่งมาจากผู้ปลูกที่มีฝีมือจากทั่วโลก และนำกลับมาที่ Rishi Herb Lab เพื่อศึกษาและทดลอง และด้วย concept ของแบรนด์คือ “การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มจากภายในสู่ภายนอก Real Plants - Real Virtue” ดังนั้น Sparkling Botanicals จึงไม่เติมน้ำตาล หรือสารให้ความหวาน รวมถึงสารกันบูดที่เป็นกรด


• • • • • • • •



Organic Syrup Line

Organic Syrup Line มีให้เลือกมากถึง 10 รสชาติ รวม Collection ใหม่ จำนวน 6 รสชาติ ได้แก่ Mixed Berries, Blackcurrant, Strawberry, Mint, Lemon, และ Peach เป็นไซรัปที่ทำจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด และส่วนผสมที่ได้จากการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อช่วยเพิ่มระดับรสชาติของเครื่องดื่มให้ดียิ่งขึ้น


• • • • • • • •



Coffee Moisture & Density Meter RM-800

RM-800 โดย RoastRite เป็นเครื่องวัดความชื้น ความหนาแน่น และอุณหภูมิของกาแฟได้พร้อมกัน สามารถวัดค่าได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลทันที วัดได้ทั้ง Cherry bean, Green bean และ Roasted มีความทนทานเป็นพิเศษด้วยการเคลือบไทเทเนียมเพื่อป้องกันความชื้นและการกัดกร่อน ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium Battery) สามารถถอดเปลี่ยนได้


• • • • • • • •



Coffee Calibration Scheme (TVS 2.0)

แอปพลิเคชั่นในเรื่องของการรับรส โดย FlavorActiV ซึ่งเป็นมากกว่าแอปพลิเคชัน ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับนักชิมกาแฟเพื่อฝึกฝนเพิ่มพูนและรักษาความสามารถทางการรับรส เมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมแล้ว จะได้รับการฝึกให้รู้จักกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และรสชาติเชิงบวกในกาแฟ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทสัมผัส เมื่อการชิมกาแฟเสร็จสิ้นแล้ว จะส่งผลงานให้ผู้เข้าร่วมโดยละเอียดเกี่ยวกับผลของแต่ละบุคคล และช่วยเปรียบเทียบความสามารถทางประสาทสัมผัสในทุกขั้นตอน มีรายงานอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ สร้างขึ้นแบบเรียลไทม์โดยใช้อัลกอริทึมและแอปพลิเคชันเว็บที่ซับซ้อนของ TVS 2.0


• • • • • • • •



Avensi Coffee Enhancing Glassware

แก้ว AVENSI ภายใต้แบรนด์ ICOSA Brewhouse แก้วที่ช่วยดึงรสสัมผัสของกาแฟ เป็นการออกแบบเช่นเดียวกับแก้วไวน์ ที่มีคุณสมบัติช่วยเก็บรสชาติของไวน์ และวิธีการดื่มก็ต้องควงแก้วเช่นเดียวกันกับการดื่มไวน์ หลังจากที่ควงแก้วแล้วกลิ่นจะอบอวลอยู่ที่บริเวณปากแก้ว และนั่นทำให้แก้ว AVENSI มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าแก้วอื่น คือการค้นพบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟ โดยแก้วแต่ละแบบจะช่วยชูรสของกาแฟที่แตกต่างกัน ได้แก่ รสหวาน Balance และรสเปรี้ยว และยังสามารถเก็บอุณหภูมิได้อย่างคงที่อีกด้วย กาแฟไม่มีทางสูญเสียคาแรคเตอร์ไปแน่นอน การออกแบบนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรและทดลองผ่านผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในด้านกาแฟกว่า 90 ท่าน รวมถึงนักวิทยศาสตร์และ sensory experts ด้วย ในส่วนของการดีไซน์ก็ไม่ธรรมดา เพราะถูกออกแบบมาให้จับกระชับมือ ที่พิเศษไปกว่านั้นคือในส่วนของขอบแก้วแต่ละใบ ถูกดีไซน์ออกมาให้เป็นไปตามรูปลิ้นที่จะได้รับรสถึงรสชาตินั้นๆ


• • • • • • • •



El Compás del Café

El Compás del Café เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ปลูกกาแฟสามารถวางแผนกิจกรรมในสวนกาแฟได้ดีขึ้นตลอดทั้งปี เนื่องจากเกษตรกรหรือเจ้าของรายย่อยส่วนใหญ่ไม่ได้ติดตามกิจกรรมที่ดำเนินการในสวนของตัวเอง และไม่มีเครื่องมือในการจัดการสวนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทาง Caravela Coffee จึงได้ออกแบบและพัฒนา Coffee Compass เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้ผู้ปลูกกาแฟสามารถจัดระเบียบวางแผน และติดตามกิจกรรมในสวนได้อย่างเหมาะสม ซี่งเครื่องมือนี้อ้างอิงจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนความรู้ของทีมงาน ซึ่งจะพิจารณาจากความเป็นจริงของผู้ปลูกกาแฟเป็นอันดับแรก


-----------------------------------------------------------------------------------


The winner of Coffee Design Awards 🏆



Onyx Coffee Lab (Packaging)

บรรจุภัณฑ์ Onyx Coffee Lab ออกแบบโดย Jon Allen, Jeremy Teff, และ Taylor Morgan เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความเรียบง่าย และคง concept ความสร้างสรรค์ของความเป็น “Box & Bag” คือการสร้างประสบการณ์ และใส่ความรู้สึกเหมือนตอนแกะกล่องของขวัญ ในปี 2020 Onyx Coffee Lab มุ่งเน้นการออกแบบให้ทันสมัยและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้สีเอิร์ธโทน (Earth Tone) ตัวกล่องถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษที่มีเนื้อสัมผัสแบบด้านและมีการฉลุ โดยมีรอยนูนที่ด้านบน และรอยลึกด้านล่าง ซึ่งในแต่ละโปรไฟล์กาแฟ ก็จะมีลักษณะต่างกัน เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของศิลปะและวิทยาศาสตร์ และตัวบรรจุภัณฑ์ยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่ง Onyx Coffee Lab เปิดตัวในวันที่ 1 สิงหาคม 2020 ณ เมืองโรเจอร์ส (Rogers) รัฐอาร์คันซอ (Arkansas) ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States)


• • • • • • • •



Onyx Coffee Lab (Branding)

Onyx Coffee Lab มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอ service และ training รวมไปถึงการนำเสนอกาแฟในแบบที่ดีที่สุด ความตั้งใจของแบรนด์คือการให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกาแฟ เสมือนว่าลูกค้าได้เข้าไปอยู่ในทุกๆ ขั้นตอนของการผลิต การออกแบบของแบรนด์ในปี 2563 เน้นไปที่การปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของแบรนด์ให้ทันสมัยและเป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่ Onyx ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2555 ได้ใช้ ONYX Coffee เป็นเครื่องหมายคำหลัก ต่อมาทางแบรนด์ใช้ไอคอนรูปหัวกระโหลก ที่มีคำว่า Onyx อยู่ในนั้นด้วย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อโลโก้เดิม การออกแบบเหล่านี้ปรากฏอยู่บน product เก่าแก่ทุกชิ้นของแบรนด์ และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกในทันที ในส่วนของโลโก้สีนั้นทางแบรนด์ใช้แม่สีหลัก (palette of primary) และสีรอง (secondary colors) เพื่อดึงดูดและแสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์ Onyx Coffee Lab ยังมีแนวคิดที่จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนของกาแฟที่ทำด้วยมือ จึงมีการเขียนรูปลักษณ์เพื่อเน้นต้นกำเนิดของกาแฟ รวมถึงกระบวนการต่างๆ ของกาแฟ เช่น coffee origins และ roasting ทางแบรนด์หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนตั้งคำถามมากขึ้นว่า กาแฟมาจากไหนและมีวิธีการชงในรูปแบบต่างๆ อย่างไร เพื่อที่จะได้ลิ้มรสประสบการณ์การชิมกาแฟอย่างเต็มที่ และไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปอีกเพียงใด “เราจะผลักดันตัวเองไปสู่คุณภาพและบริการที่ดีขึ้นโดยยึดมั่นในหลักของเรา Never Settle for Good Enough. ” Onyx Coffee Lab กล่าว


• • • • • • • •


Onyx Coffee Lab (Spaces)

คาเฟ่น้องใหม่ภายใต้แบรนด์ Onyx Coffee Lab เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ตั้งอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ของ The Momentary ที่เบนตันวิลล์ รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบโดย Jon Allen และ Bradley Edwards เดิมทีที่นี่เคยเป็นโรงงานผลิตชีส ภายในตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องดินเผาสีชมพูและสีครีม ซึ่งเป็นเฉดสีอ่อนที่เข้ากับบรรยากาศ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นโมเดิร์นแบบหวานๆ และเป็นคาเฟ่ที่มีบาร์เป็นกระจกซึ่งทนต่อความร้อนสูง ผสมผสานกับการออกแบบบาร์แบบ Modbar ซึ่งเป็นบาร์ที่มีเครื่องชงกาแฟที่ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ซ่อนระบบเครื่องชงนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเอาไว้ใต้เคาน์เตอร์ ส่วนที่โชว์ออกมามีเพียงส่วนที่ใช้งานเท่านั้น เช่น หัวชง หรือก้านสตรีมนม ทำให้คาเฟ่ยิ่งดูโมเดิร์นขึ้นไปอีก และนี่คงเป็นที่มาของคำว่าเรียบแต่มาก โดยทางร้านต้องการที่จะให้มีการสนทนากันระหว่างลูกค้าและบาริสต้าอย่างเป็นกันเอง จึงออกแบบบาร์ให้มีความโปร่งให้ได้มากที่สุด เครื่องดื่มของที่นี่ ในส่วนที่ผสมนม จะใช้เป็นนมข้าวโอ๊ต เพราะนมข้าวโอ๊ตสามารถเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องแช่เย็นซึ่งต่างจากนมวัว ในส่วนของการเสิร์ฟนั้น ที่ร้านก็โชว์ความทันสมัยได้อย่างน่าสนใจคือ การเสิร์ฟแบบการใช้สายพานที่ถูกเคลือบด้วยลาเท็กซ์ที่ปลอดภัยต่ออาหาร สายพานนี้จะวิ่งจากห้องครัวผ่านร้านกาแฟ และเข้าไปในล็อบบี้ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มได้


• • • • • • • •


Fellow (Vessels)

ทางแบรนด์มีความตระหนักถึงแก้วเก็บความร้อนสำหรับพกพา ที่คอกาแฟมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเหมือนกับว่ามันเป็นแขนอีกข้างเลยก็ว่าได้ แต่แก้วความร้อนทั่วไปอาจจะไปทำลาย flavour ของกาแฟ ทำให้ Fellow มองเห็นปัญหานี้ และออกแบบ Carter Move Mug นี้ขึ้นมา ซึ่งออกแบบโดย Pajnucci Vue, Drew Cosgarea และ Julian Bagirov เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียรสชาติและกลิ่นของกาแฟ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังออกแบบมาเพื่อเพิ่มความรู้สึกของการดื่มด่ำกาแฟในตลอดเส้นทางของการเดินทาง โดยออกแบบให้ปากแก้วมีความกว้างและบาง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแก้ว Cabernet เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงกลิ่นและสัมผัสถึงรสของกาแฟได้อย่างเต็มเปี่ยม และป้องกันการกระเซ็นของน้ำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มการเคลือบเซรามิกด้านใน เพื่อป้องกันกลิ่นเพนนีเก่าที่มักพบได้ทั่วไปกับภาชนะที่เป็นสแตนเลสสตีล (โลหะผสม : Ferrous Alloy) ในขั้นตอนการออกแบบมีการพิมพ์ 3 มิติเพื่อศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์ในเหตุการณ์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้ รวมถึงสมาชิกในทีมก็ได้ใช้ตัวต้นแบบในสถานการณ์ที่แตกต่างเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วทางแบรนด์คำนึงถึงการใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด เพื่อที่จะเก็บอรรถรสของกาแฟไว้ ตามคอนเซ็ปต์ของ Fellow คือ “ Carter Move Mug brings form and function to enjoying coffee.” จึงทำให้ถูกใจคอกาแฟที่ชื่นชอบการเดินทาง และด้วยรูปทรงและสีของ product ที่มีความเรียบ แต่คงความโมเดิร์นไว้ เปิดตัว ณ เมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco) ประเทศสหรัฐอเมริกา



แหล่งอ้างอิง :

132 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page