ประเทศเวียดนามได้รับความร่วมมือจากหลายองค์กรจากต่างประเทศ ในการเข้ามาพัฒนาคุณภาพสายพันธุ์กาแฟอาราบิกากระบวนการผลิต และการแปรรูป โดยเน้นไปที่การปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนสายพันธุ์กาแฟอาราบิกา ซึ่งเดิมนั้นสายพันธุ์กาแฟอาราบิกาของประเทศเวียดนามก็จะไม่แตกต่างกับประเทศไทยเรามากนัก คือมีกาแฟอาราบิกาสายพันธุ์คาติมอร์เป็นสายพันธุ์พื้นฐาน ที่เป็นแบบนี้ เพราะกาแฟสายพันธุ์คาติมอร์ได้ถูกพัฒนามาให้ทนต่อโรค โดยเฉพาะโรคราสนิม ที่มักจะเกิดกับต้นกาแฟ และการให้ผลผลิตในปริมาณมาก แต่วันนี้หลายส่วนในโลกของกาแฟ ได้พูดไปในทำนองเดียวกันแล้วว่า กาแฟอาราบิกาสายพันธุ์คาติมอร์ให้รสชาติที่ไม่ดีเท่าที่ควร ในการนำมาทำเป็นกาแฟคุณภาพหรือกาแฟพิเศษ
ซึ่งนั่นก็อาจไม่ใช่บทสรุปเสียทีเดียว เพราะในประเทศไทยเองก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ถ้ามีกระบวนการแปรรูปที่ดี การจัดการสวนที่ดี สภาพพื้นที่ที่เหมาะสม ก็สามารถทำให้ดีได้เช่นเดียวกัน แต่ก็คงจะปฏิเสธอีกเช่นกันไม่ได้ว่า กาแฟสายพันธุ์อื่นๆ เมื่อนำมาแปรรูปในแบบเดียวกัน ก็ให้รสชาติที่ดีกว่าได้เช่นกัน
ประเทศเวียดนามนั้น ได้ชื่อว่ามี ”กาแฟโรบัสตาคุณภาพสูงและอาราบิกาคุณภาพต่ำ
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_5f718b9427c64f74804dcee0c4fe411b~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_602,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/416a01_5f718b9427c64f74804dcee0c4fe411b~mv2.jpg)
Arabica F1 hybrids คือสายพันธุ์กาแฟตัวใหม่ที่พูดถึงกันมากในแวดวงกาแฟของประเทศเวียดนามอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะภาคการผลิตกาแฟอาราบิกา อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศเวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศบราซิล โดยมีสัดส่วนของกาแฟโรบัสตามากถึง 96 % และมีความเป็นไปได้ที่จะมีปริมาณการส่งออกเพิ่มมากขึ้นสูงถึง 30 ล้านกระสอบหรือ 1.8 ล้านตัน ในปีการผลิต 2021/2022 นี้
แต่หากนึกถึงกาแฟจากเวียดนาม ก็คงไม่พ้นที่จะต้องนึกถึงกาแฟเกรดธรรมดา ประเทศเวียดนามนั้น ได้ชื่อว่ามี ”กาแฟโรบัสตาคุณภาพสูงและอาราบิกาคุณภาพต่ำ” ด้วยความเป็นไปได้หลายๆ ปัจจัยด้วยกัน เช่น จำนวนผลผลิตที่มาก ทำให้คุณภาพในการแปรรูปไม่ดีเท่าที่ควร หรือจะเป็นความใส่ใจของเกษตรกร เพราะมีพื้นที่ปลูกมาก ทำให้การดูแลเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง และสุดท้ายคือสายพันธุ์ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้
องค์กรที่มีส่วนอย่างมากในการร่วมพัฒนากาแฟสายพันธุ์อาราบิกาของเวียดนามนั้น หลักๆ จะมีอยู่ 2 องค์กร คือ ศูนย์วิจัยการเกษตรแห่งฝรั่งเศสเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (Cirad - La recherche agronomique pour le développement) และองค์กรส่งเสริมการปรับปรุงสายพันธุ์กาแฟในระบบวนเกษตรแห่งสหภาพยุโรป (Breeding Coffee for Agroforestry Systems : BREEDCAFS) ซึ่งจัดตั้งโครงการ BREEDCAFS ขึ้นที่เวียดนามมาตั้งแต่ปี 2017 โดยมีวัตถุประสงค์ในการหากาแฟอาราบิกาสายพันธุ์ใหม่เพื่อนำมาปลูกทดแทนสายพันธุ์เดิมอย่างคาติมอร์ ที่คำตอบคือกาแฟสายพันธุ์ไฮบริด F1 (Arabica F1 hybrids) นั่นเอง
Arabica F1 hybrids เป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่าง Starmaya และ Centroamerico (H1) ที่มีการศึกษาวิจัยมากว่า 20 ปี ทั้งที่นิการากัวและคอสตาริกา แล้วพบว่าให้ผลผลิตที่สูง ต้านทานต่อโรคและสภาพอากาศได้ดีกว่าสายพันธุ์คาติมอร์ ประเทศเวียดนามนับเป็นประเทศที่สามที่มีการทดลองปลูกกาแฟสายพันธุ์นี้ โดยแปลงทดลองที่ถูกเลือกคือที่เดียนเบียนฟู (Dien Bien) และเซินลา (Son La) ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ในช่วงเริ่มต้นโครงการนำต้นกล้าสายพันธุ์ F1 มาทดลองให้เกษตรกรปลูกและผสมกับสายพันธุ์ท้องถิ่นเพื่อทำการขยายพันธุ์รุ่นลูก และมีการบันทึกฟีโนไทป์ของลูกผสมแต่ละแบบเพื่อเทียบหาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพแปลงปลูกในระดับความสูงที่แตกต่างกัน
ผลการทดสอบในปี 2020 สรุปว่า กาแฟสายพันธุ์ไฮบริด F1 นี้
ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพกว่าคาติมอร์ดั้งเดิมในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผลผลิตหรือคุณภาพของกาแฟ
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_18fd912deb6146bd91f3ba5c9b415257~mv2.jpg/v1/fill/w_887,h_406,al_c,q_85,enc_auto/416a01_18fd912deb6146bd91f3ba5c9b415257~mv2.jpg)
ผลการทดสอบในปี 2020 สรุปว่า กาแฟสายพันธุ์ไฮบริด F1 นี้ ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพกว่าคาติมอร์ดั้งเดิมในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นจำนวนผลผลิตหรือคุณภาพของกาแฟ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต่างก็พอใจกับผลการทดลองที่ได้ โครงการ BREEDCAFS จึงวางแผนที่กระจายต้นกล้า F1 ไปยังเกษตรกรเพิ่มอีก 35,000 ต้น ภายในปี 2021 นี้ เมื่อโครงการสิ้นสุดลงหน่วยงานพันธมิตรของเวียดนามจะรับไม้ต่อในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรต่อเนื่องไปจนกว่าสายพันธุ์ F1 จะได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) ของประเทศเวียดนามเอง ซึ่งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ดูเหมือนจะไม่แค่เป็นความหวังของเกษตรกรในประเทศเวียดนามเท่านั้น แต่ดูจะเป็นความหวังของทั้งภูมิภาค คุณ Dao The Anh รองประธาน VAAS (Vietnamese Academy of Agricultural Sciences) หรือสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งเวียดนาม ถึงกับให้สัมภาษณ์กับ comunicaffe.com ในเรื่องนี้ว่า “เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทแปรรูปทั้งในและต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น และซื้อขายกาแฟในราคาพิเศษ และในที่สุดสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภูมิภาคโดยการปรับปรุงรายได้ ความยั่งยืน และงานที่มั่นคงมากขึ้น”
นอกจากนี้ในบทความของ comunicaffe.com ยังบอกด้วยว่า ภายในปี 2050 นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า 60% ของพื้นที่ที่ใช้สำหรับการปลูกกาแฟอาราบิกาในปัจจุบัน อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในรูปแบบของความแห้งแล้งที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะนำไปสู่การสูญเสียพืชผลอย่างมหาศาล” Dr. Luu Ngoc Quyen รองผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรและป่าไม้บนพื้นที่สูงตอนเหนือกล่าว "สายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศที่จะกำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะได้รับการคัดเลือกมาเพื่อต่อสู้กับปัญหาเหล่านี้ให้ไปในทางที่ดีขึ้น"
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_1781834c8a9e4812b48e10a95cc7f130~mv2.jpg/v1/fill/w_800,h_800,al_c,q_85,enc_auto/416a01_1781834c8a9e4812b48e10a95cc7f130~mv2.jpg)
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในรูปแบบของความแห้งแล้ง
ที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะนำไปสู่
การสูญเสียพืชผลอย่างมหาศาล”
CIRAD เป็นองค์กรวิจัยและความร่วมมือด้านการเกษตรของประเทศฝรั่งเศส ที่ทำงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคเขตร้อนและเมดิเตอร์เรเนียน โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างความรู้และวิธีการแก้ปัญหา และคิดค้นระบบการทำฟาร์มที่ยืดหยุ่นเพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการฝึกอบรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริม ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงทางการเกษตร ความยั่งยืนของระบบอาหาร สุขภาพ การพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนในพื้นที่ชนบท และปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยองค์กร CIRAD ทำงานใน 50 ประเทศในทุกทวีป มีพนักงาน 1,650 คน นักวิทยาศาสตร์ 1,140 คน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตร 200 ราย จากทั่วโลก
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_bd622c4d9c804e45ae1d49ac151534b8~mv2.jpg/v1/fill/w_965,h_724,al_c,q_85,enc_auto/416a01_bd622c4d9c804e45ae1d49ac151534b8~mv2.jpg)
ส่วน BREEDCAFS (Breeding Coffee for Agroforestry Systems) องค์กรส่งเสริมการปรับปรุงสายพันธุ์กาแฟในระบบวนเกษตรแห่งสหภาพยุโรป ที่เป็นหัวเรือหลักในเรื่องนี้ ในเว็บไซต์ของ BREEDCAFS (www.breedcafs.eu) มีความน่าสนใจในเรื่องของพันธกิจและโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ
BREEDCAFS บอกว่าวนเกษตรเป็นอีกวิธีหนึ่งในการปรับการผลิตกาแฟให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ก็มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่เหมาะสม BREEDCAFS จึงตั้งเป้าไปที่การกระจายความหลากหลายของสายพันธุ์ที่มีอยู่สำหรับวิธีการผลิตที่ยั่งยืน คิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการขยายพันธุ์ไม้ นำไปสู่ผลผลิตและความยั่งยืนสำหรับไม้ยืนต้น โดยมีจุดประสงค์หลักคือ หาวิธีการปรับตัวของต้นกาแฟให้เข้ากับสภาพอากาศในปัจจุบันและในอนาคตได้ จัดเตรียมชุดเครื่องมือชีวสารสนเทศ วิจัยกาแฟสายพันธุ์ลูกผสมอาราบิกา F1 และลูกผสมอาราบัสตา ที่ปลูกอยู่ในสภาพพื้นที่ที่ไปทำการวิจัย ปรับปรุงการผลิตและผลกำไรของกาแฟอย่างยั่งยืนในระดับเกษตรกรและอุตสาหกรรม ประเมินประสิทธิภาพทางการเกษตร ความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพของกาแฟ ส่งเสริมการผลิต จัดจำหน่าย และการใช้สายพันธุ์อาราบิกาลูกผสมให้มากขึ้น พัฒนาแผน ขยายขนาดของกลยุทธ์ การปรับปรุงสายพันธุ์ BREEDCAFS ใหม่ และสุดท้ายคือจัดการสื่อสารและเผยแพร่งานที่ทำ รวมถึงผลลัพธ์ของโครงการ โดยมีเป้าหมาย (The Ambitions) คือการพัฒนาความรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับการตอบสนองทางสรีรวิทยาของกาแฟต่อความเครียดจากสิ่งแวดล้อม ภายใต้สภาพวนเกษตร และการนำไปใช้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเพาะพันธุ์โดยใช้โมเลกุลช่วย ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ ออกแบบระบบวนเกษตรที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และรวมตลาดโดยอิงจาก Coffee Hybrids- AFS การสร้างเครื่องมือและวิธีการระดับโมเลกุลสำหรับการเพาะพันธุ์จีโนไทป์ (Genotype) คือส่วนผสมของรูปแบบของยีน (gene) ต่างๆ ในสิ่งมีชีวิต ตอบโจทย์ความท้าทายของการปรับปรุงสายพันธุ์กาแฟและฟาร์ม และปัญหาของเกษตรกรรายย่อย
BREEDCAFS บอกว่าวนเกษตรเป็นอีกวิธีหนึ่งในการปรับการผลิตกาแฟ
ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ก็มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่เหมาะสม
BREEDCAFS ยังได้แบ่งระบบการทำงานออกเป็นกลุ่มๆ ไว้ 6 กลุ่มด้วยกัน โดยใช้ชื่อเรียกว่า Work Packages ซึ่งแต่ละ Work Packages เขากำหนดการทำงานไว้อย่างละเอียด แต่จะขอนำบางส่วนมาเป็นข้อมูลเพื่อความเข้าใจได้โดยง่ายดังนี้
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_3f30c4ae6c7d447aa317953271197a03~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_142,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/416a01_3f30c4ae6c7d447aa317953271197a03~mv2.jpg)
WP 1 ทำความเข้าใจการตอบสนองของกาแฟต่อความเครียดจากสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศและองค์ประกอบทางกายภาพที่ไม่มีชีวิตในระบบนิเวศ
คือการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการผสมสายพันธุ์ใหม่สำหรับต้นกาแฟ โดยพิจารณาจากการคัดกรองประสิทธิภาพและการศึกษาการตอบสนองทางสรีรวิทยา เมแทบอลิซึม และการถอดรหัสต่อปัจจัยทางชีวภาพและสิ่งมีชีวิตของกาแฟสายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์เดิม การปรับตัวของกาแฟและศักยภาพในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศในปัจจุบันและอนาคต ผ่านการศึกษาเกี่ยวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิและความแห้งแล้ง และความยั่งยืน การศึกษาผลกระทบของร่มเงาที่มีศักยภาพในการบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
WP 2 บูรณาการและการวิเคราะห์ข้อมูลฟีโนไทป์และระดับโมเลกุล ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มชีวสารสนเทศหรือไบโออินฟอร์เมติกส์ (Bioinformatics)ที่มีการสื่อสารระหว่างกันได้ เพื่อช่วยในการเพาะพันธุ์กาแฟ
คือการจัดเตรียมชุดเครื่องมือชีวสารสนเทศซึ่งจะสนับสนุนและให้ข้อเสนอแนะแก่ WP1, WP3 และ WP5 เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสรีรวิทยาของกาแฟ และพื้นฐานทางพันธุศาสตร์ (epi) ควบคู่ไปกับการพัฒนาวิธีการแบบใหม่สำหรับการสร้าง กาแฟลูกผสมที่ปรับให้เข้ากับระบบวนเกษตร
WP 3 การประเมินฟาร์ม (ประสิทธิภาพและผลกำไร)
WP 3 ศึกษาพันธุ์ลูกผสมอาราบิกา F1 ในพื้นที่ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ และพันธุ์อาราบัสตาไฮบริด ผ่านการประเมินประสิทธิภาพทางการเกษตร ความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ตรวจสอบความถูกต้องของผลการประเมินที่ดำเนินการในการทดลองภาคสนามจาก WP1 นอกเหนือจากโปรโตคอลที่พัฒนาด้วย WP1 แล้ว WP3 จะทำงานร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อพัฒนาชุดโปรโตคอลที่ได้มาตรฐานเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่อื่นต่อไป
WP 4 ให้มีการเผยแพร่ F1 hybrids ในบริบทของ AFS ออกไปในวงกว้าง ผ่านการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจ (Economic Incentives)
วัตถุประสงค์โดยรวมของ WP 4 คือเพื่อส่งเสริมการผลิต จัดจำหน่าย และการเพิ่มจำนวนต้นกาแฟอาราบิกาลูกผสมให้มากยิ่งขึ้นในอเมริกากลาง เอเชีย และแอฟริกา โดยใช้ประเทศนิการากัว เวียดนาม และแคเมอรูน เป็นต้นแบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงพันธุ์กาแฟใหม่ๆ ได้มากขึ้น และมีความเท่าเทียมในการค้ากาแฟมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
WP 5 การพัฒนาอย่างยั่งยืน และปรับขยายส่วนโปรแกรม (Scaling – up) การปรับปรุงสายพันธุ์แบบใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นใน BREEDCAFS
โครงการ BREEDCAFS ได้รวบรวมผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และสาขาความรู้หรือการวิจัยที่เปิดสอนในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังรวบรวมทรัพยากรต่างๆ (ชีวภาพ เทคโนโลยี ระเบียบ วิธี ข้อมูล มนุษย์ การเงิน สถาบัน) ที่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ นำเข้ามา ซึ่งความหลากหลายดังกล่าวนี้ จะเป็นสิ่งที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของแนวทางการปฏิบัติ และการเผยแพร่ผลลัพธ์ออกไปในวงกว้าง
WP 6 การประสานงานกลุ่มและการจัดการโครงการ
เพื่อสร้างความมั่นใจว่าโครงการจะก้าวไปข้างหน้าตามแผนงาน การส่งมอบ รวมถึงทรัพยากรตามที่วางแผนไว้ เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเด็นด้านการเงิน โลจิสติกส์ ข้อมูล และการประสานงาน ตลอดจนในด้านคุณภาพและความสอดคล้องกับกฎและขั้นตอนของ EC เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการตามแผนงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์
![](https://static.wixstatic.com/media/416a01_207f7db5990340ffa78f998bde04b3bd~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_711,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/416a01_207f7db5990340ffa78f998bde04b3bd~mv2.jpg)
จากข้อมูลเราพอจะสรุปได้ว่า BREEDCAFS, CIRAD และองค์กรภาครัฐฯ ของประเทศเวียดนาม ต่างมองเห็นถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาศักยภาพของผลผลิตให้ดียิ่งขี้นแล้ว Climate change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก็กำลังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนประเทศเวียดนามก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมได้ในอนาคต หากยังไม่หาทางป้องกันรับมือเสียแต่วันนี้ สำหรับประเทศไทยเองก็เช่นกัน เราคงหนีไม่พ้นปัญหาต่างๆ เหล่านี้ไปได้เช่นกัน การรับมือกับปัญหาในอนาคตที่จะมีผลต่อรายได้ อาชีพ ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ อาจต้องนำขึ้นโต๊ะมาถกกันหรือไม่ กับสิ่งที่ประเทศเวียดนามกำลังทำอยู่ในวันนี้
อ่านเรื่องราวของ สายพันธ์กาแฟใหม่ Arabica F1 hybrids ได้ที่ :
ขอบคุณข้อมูลจาก : BREEDCAFS
Coffee Traveler เป็นนิตยสารรายสองเดือน
ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag
Comentarios