ส่องเทรนด์ผู้บริโภคและเมนูใหม่รับปี 2026
- coffeetravelermag
- 13 minutes ago
- 2 min read

เมื่อผู้ดื่มต้องการมากกว่าความอร่อย และคาเฟ่ยุคใหม่ต้องตอบโจทย์ทั้งสุขภาพ ความหมาย และประสบการณ์ ในปี 2026 กำลังถูกพูดถึงอย่างจริงจังว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของเครื่องดื่ม เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองหาแค่กาแฟหรือชาแก้วอร่อยอีกต่อไป แต่กำลังมองหาความหมาย คุณค่า ความยั่งยืน ความสมดุล และความรู้สึกพิเศษในทุกแก้ว และเมื่อเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยน เมนูเครื่องดื่มก็ต้องเปลี่ยนตาม ซึ่งปีนี้เราจะเห็นความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดทั้งในไทยและทั่วโลก ทั้งในร้าน specialty coffee, tea bars, chocolateries รวมถึงตลาด functional drinks ที่กำลังโตอย่างรวดเร็ว
ผู้บริโภคยุค 2026 กำลังมองสุขภาพเป็นเรื่อง “องค์รวม” เป็นเทรนด์สุขภาพที่เครื่องดื่มต้อง “ดีต่อใจและดีต่อกาย” ที่กลายเป็นความคาดหวังใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟหรือชา ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่คาเฟอีนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นประสบการณ์การดูแลตัวเองโดยสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาคือ น้ำตาลน้อยหรือไม่มีเลย คาเฟอีนสมดุล ไม่ทำให้ใจสั่น ส่วนผสมที่ช่วยเรื่องผ่อนคลายหรือเพิ่มสมาธิ เครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่แต่งกลิ่น โดยมีเมนูที่กำลังถูกพูดถึงในปี 2026 อย่าง Matcha–Yuzu หรือ matcha ผสม citrus เปรี้ยวสดชื่น, Hojicha latte แบบ low-sugar ที่เน้นความหอม, Cascara tea หรือ Cascara soda เครื่องดื่มจากเปลือกกาแฟ, Cacao tea หรือ Cacao husk tea แทนโกโก้ที่หวานจัด หรือ Herbal cold infusion เช่น rosemary–apple, lavender–tea tonic ซึ่งเมนูเหล่านี้ที่ผู้บริโภคมองว่าความอร่อยคือพื้นฐาน แต่สุขภาพดีคือเหตุผลหลักที่จะกลับมาซื้อซ้ำ
นอกจากเทรนด์สุขภาพที่ดีต่อใจและดีต่อกายแล้ว เทรนด์ความยั่งยืนก็มาเช่นกัน ผู้ดื่มต่างอยากรู้ที่มามากพอ ๆ กับรสชาติ ซึ่งผู้บริโภคในปี 2026 สนใจคำถามสำคัญ คือ แก้วนี้มาจากไหน และคำตอบก็ต้องโปร่งใส ไม่ใช่เพียงฉลากสีเขียวหรือคำพูดสวยหรู ซึ่งเทรนด์ความยั่งยืนเกิดจากแรงผลักดันสำคัญจากวิกฤตราคาโกโก้และกาแฟในปี 2024–2025 ดีมานด์สินค้า traceable ที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภค Gen Z ให้ความสำคัญกับจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม เทรนด์ด้านความยั่งยืนที่กำลังมาแรง คือ เมนู Origin Story ที่ใส่ชื่อฟาร์ม, หมู่บ้าน, วิธีปลูก หรือเป็นกาแฟที่ปลูกจากระบบ Agroforestry เป็นเมนู Zero-waste หรือ Upcycled เช่น pulp soda, cascara kombucha หรือช็อกโกแลต craft แบบ single-estate เป็นต้น

เทรนด์การค้นหารสชาติใหม่ ๆ ที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ ซึ่งผู้ดื่มกาแฟยุคนี้ชอบทดลอง แต่ไม่ใช่ทดลองแบบสุดโต่ง เทรนด์ใหม่ของปี 2026 คือ “New but safe คือเมนูที่ให้ประสบการณ์ใหม่ แต่ยังอยู่ในกรอบความคุ้นเคย โดยมีตัวอย่างเมนูที่มาแรงทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น Dirty matcha / Dirty hojicha, Yuzu Americano / Yuzu espresso tonic, Black sesame cream latte, Cacao cold brew, Cold brew + herbs เช่น thyme, rosemary, basil, Signature Honey Latte แบบใช้ local honey เฉพาะพื้นที่ เป็นต้น เพราะผู้บริโภคชอบเมนูที่ถ่ายรูปได้ง่าย แต่ไม่ยากต่อการเข้าใจ” นั่นคือเหตุผลที่เมนู citrus + coffee หรือ nutty + milk เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาเป็นเรื่องของเทรนด์ความเรียบง่าย ที่เครื่องดื่มมีโปรไฟล์ชัด รสสะอาด ซึ่งในยุคที่ผู้บริโภคได้รับข้อมูลมากเกินไป (info overload) ความเรียบง่าย จึงกลายมาเป็นความหรูหรา เทรนด์นี้มาจาก specialty coffee movement เมนูที่สะท้อนแนวคิดนี้ เช่น Single - origin milk drinks: Geisha latte, Typica latte, Omakase coffee หรือ No - syrup espresso beverages เพราะผู้ดื่มมองว่า “ความชัดเจน” คือประสบการณ์ premium ไม่ใช่การใส่ส่วนผสมเยอะ ๆ อีกต่อไป
เทรนด์เครื่องดื่มเย็นใส (Clean & Sparkling Drinks) เพราะตอบโจทย์ความสดชื่น โดยไม่ต้องเพิ่มน้ำตาลมาก มีเมนูใหม่ที่มาแรงอย่างเช่น Cold brew tonic หรือ cascara tonic, Sparkling tea (jasmine / oolong / assam), Espresso orange soda หรือ Nitro cacao เป็นต้น ซึ่งเมนูเหล่านี้กำลังแพร่หลายทั้งในเอเชียและอเมริกา และเป็นเมนูที่สร้าง signature ใหม่ ๆ ให้ร้านกาแฟได้ดีมาก
“ผลไม้สด” เทรนด์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และปี 2026 อาจเป็นปีที่ผลไม้ไทยเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยมีตัวอย่างที่เห็นแล้วว่าเริ่มมาแรงในปีหน้า เช่น Yuzu, มะกรูด (Kaffir lime cold brew), ส้มซัทสุมะไทย, เสาวรส (passion fruit espresso soda) หรือมะยงชิด (มะยงชิดโซดาผสมชา) ที่ผู้ดื่มชอบที่ความเปรี้ยวสดที่ดื่มง่าย และผลไม้ไทยยังทำให้คาเฟ่สามารถสร้างเมนูเฉพาะถิ่น (local signature) ได้ทันที
เทรนด์โกโก้ Craft ที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นก็กำลังเพิ่มขึ้น หลังจากที่ Cocoa Crisis 2024–2025 แล้ว ผู้บริโภคหันมามองโกโก้ใหม่ในปี 2026 โดยมีเทรนด์สำคัญ ๆ คือ ผู้ดื่มอยากรู้ origin ชัดเจน มีความสนใจ cacao drink แบบไม่ใส่นม และ Cacao nibs + espresso เป็นที่นิยมในกลุ่มสายสุขภาพ โดยมีเมนูใหม่ปี 2026 เช่น Cacao americano, Iced cacao latte (หวานน้อย), Cacao–cold brew, Cacao citrus soda เป็นต้น
สุดท้ายคือเทรนด์ “Local × Global” หรือการผสมผสานท้องถิ่นกับนานาชาติ หมายถึงการที่ผู้บริโภคอยากเห็นร้านกาแฟใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น แต่มีความเป็น global specialty โดยมีเมนูตัวอย่าง เช่น Espresso + น้ำผึ้งป่า, Hojicha + น้ำตาลโตนด, Thai cacao + Japanese citrus เป็นต้น เมนูเหล่านี้ ล้วนมีความเป็นคุณ และสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ เมนูที่มีเรื่องราวดี ๆ จะสามารถ “ขายตัวเอง” ได้ เป็นปีที่ผู้บริโภคต้องการ “ความหมายในแก้ว” มากกว่าที่เคย เพราะผู้บริโภคไม่ใช่แค่ดื่มเพราะอร่อย แต่ดื่มเพราะอยากได้สุขภาพ อยากเห็นความยั่งยืน รับรู้เรื่องราวของต้นน้ำ เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ มีรสชาติที่ชัดเจน และมีเอกลักษณ์เฉพาะร้าน นี่คือความงามของยุค 2026 ยุคที่เครื่องดื่มพรีเมียม คือการออกแบบประสบการณ์ครบวงจร สำหรับคาเฟ่ ร้านชา ผู้ผลิตโกโก้ หรือแบรนด์ที่อยากสร้างตัวตนชัดเจน ปี 2026 คือโอกาสทองในการสร้างเมนูที่ทั้งดีต่อโลกและดีต่อธุรกิจควบคู่กันไป
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
Facebook : Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag



Comments