เปรียบเทียบกาแฟพร้อมดื่ม หลัง Starbucks บุกตลาดกาแฟกระป๋องในไทย
- coffeetravelermag
- Aug 12
- 2 min read
ในโลกที่เร่งรีบ ไม่ว่าจะในเช้าที่เร่งด่วน หรือบ่ายที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น กาแฟกระป๋องกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่ขาดไม่ได้สำหรับใครหลายคน ตลาดกาแฟกระป๋องของไทยที่เต็มไปด้วยแบรนด์คุ้นเคยอย่าง Birdy และ Nescafe การมาของ Starbucks จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเพิ่มตัวเลือกใหม่ แต่คือการเปิดศึกระหว่างยักษ์ใหญ่ระดับโลกกับเจ้าตลาดเดิมในไทย
เมื่อแบรนด์ระดับโลกอย่าง Starbucks ก้าวเข้ามาท้าชิงส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดเดิมอย่าง Nescafe และ Birdy ที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ตลาดกาแฟพร้อมดื่มในประเทศไทยกำลังคึกคักขึ้นอีกครั้ง การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของรสชาติ แต่ยังรวมถึงส่วนผสม ปริมาณ และราคา ที่แต่ละแบรนด์งัดมาสู้กัน Coffee Traveler จึงอยากมาเจาะลึกความแตกต่างของกาแฟกระป๋องยอดนิยมเหล่านี้ไปพร้อมกัน
เริ่มจากยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks กันก่อนเลยดีกว่า กาแฟกระป๋องจากแบรนด์ดังระดับโลกนี้ เราเลือกหยิบเป็น Starbucks Doubleshot Espresso Latte มาพูดถึงกัน โดยที่ตัวนี้ถูกผลิตที่ประเทศมาเลเซียและนำเข้ามาโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และด้วยราคาเปิดตัวที่ 49 บาท ในปริมาณ 220 มล. ซึ่งสูงกว่ากาแฟกระป๋องเจ้าอื่นในท้องตลาดอย่างชัดเจน ทำให้กาแฟกระป๋อง Starbucks กำลังวางตัวเองในตลาดพรีเมียม โดยที่มีส่วนผสมหลักคือ น้ำบวกกับกาแฟสำเร็จรูป 1% นมผงขาดมันเนย 5% และน้ำตาล 5% ทำให้ได้รสชาติกาแฟนมที่กลาง ๆ ไม่หวาน ไม่ขม แม้ด้วยตัวผลิตภัณฑ์จะห้อยคำว่า Doubleshot Espresso มาด้วย โดยรวมก็ยังคงเป็นกาแฟที่รสชาติของนมเด่นกว่า แต่ด้วยรสชาตินี้สำหรับผู้บริโภคไทยก็อาจมองว่าจืดไปและรสชาติไม่ถูกปาก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด
ถัดมากับแบรนด์ Nescafe เจ้าตลาดกาแฟพร้อมดื่มที่คนไทยคุ้นเคย ทางเราเลือก Nescafe Espresso Roast กาแฟปรุงสำเร็จชนิดพร้อมดื่มผสมอาราบิกา น้ำตาลน้อยลง สินค้าตัวนี้ผลิตที่ไทย และจัดจำหน่ายโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด วางขายอยู่ที่ราคา 17 บาท ในปริมาณ 180 มล. ทำให้เข้าถึงง่าย ตอบสนองรสนิยมของคนไทยได้โดยตรง กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้บริโภคในวงกว้าง โดยเป็นการผสมผสานระหว่างเมล็ดกาแฟโรบัสตาและอาราบิกาเข้าด้วยกัน 2% ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลกับแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ
สุดท้ายกับอีกหนึ่งเจ้าตลาดที่ครองตลาดกาแฟกระป๋องในไทยอย่าง Birdy เราเลือกมาเป็น Birdy Espresso Less Sugar กระป๋องนี้ก็ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยราคาเพียง 17 บาท มาพร้อมขนาด 180 มล. เช่นเดียวกับ Nescafe เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ครองใจตลาดมวลชน สำหรับจุดเด่นที่แตกต่างคือการใช้ นมสด 10% และ น้ำกาแฟสกัดเข้มข้นถึง 4% ให้ความรู้สึกถึงกาแฟที่เข้มข้นกว่ากาแฟสำเร็จรูปทั่วไป มีปริมาณน้ำตาลเพียง 2% และแม้จะเป็นสูตรลดน้ำตาล แต่ก็ยังมีการเติมสารให้ความหวานอื่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัว

จึงทำให้เราสรุปได้ดังนี้ ในด้านส่วนผสมและรสชาติ Starbucks เน้นความนุ่มละมุนจากนมและกาแฟสำเร็จรูป ในขณะที่ Nescafe ผสมผสานกาแฟโรบัสต้าและอาราบิก้าเพื่อความเข้มข้น และ Birdy โดดเด่นด้วยการใช้กาแฟสกัดเข้มข้นและนมสด ส่วนของผู้ผลิตนั้น Starbucks เป็นแบรนด์นำเข้าที่ผลิตในมาเลเซีย ในขณะที่ Nescafe และ Birdy เป็นแบรนด์ที่ผลิตในประเทศไทย ทำให้สามารถตอบสนองความชอบของผู้บริโภคในไทยได้โดยตรง
ในทางกลับกัน เมื่อพูดถึงความคุ้มค่าที่ต้องจ่ายกับราคาและคุณภาพเท่านี้ของ Starbucks ในตลาดกาแฟกระป๋องไทย ยังคงมองว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำเข้ามาจัดจำหน่าย เลือกที่จะวางขายในชื่อแบรนด์ของ Starbucks เพื่อเน้นไปที่การขายแบรนด์ดิ้งเป็นหลัก ไม่ใช่แค่ตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว Starbucks ถูกวางตำแหน่งตัวเองเป็นสินค้าพรีเมียมอย่างชัดเจนด้วยราคาที่สูงถึง 49 บาทต่อกระป๋อง ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในท้องตลาดถึง 2-3 เท่า หากพิจารณาในแง่ของส่วนผสมแล้ว แม้จะมีปริมาณที่มากกว่าเล็กน้อย (220 มล.) แต่สัดส่วนของกาแฟสำเร็จรูปก็ไม่ได้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดมากนัก เมื่อคำนวณจากราคาที่ต้องจ่าย ผู้บริโภคที่เลือก Starbucks จึงไม่ได้จ่ายเพื่อ "คุณภาพ" ของกาแฟที่เหนือกว่า แต่เป็นการจ่ายเพื่อ "แบรนด์" และภาพลักษณ์ที่ติดมากับชื่อ Starbucks สิ่งเหล่านี้ยิ่งสะท้อนว่า บริษัทผู้จัดจำหน่ายมองเห็นคุณค่าของชื่อแบรนด์นี้ในฐานะจุดขายหลัก มากกว่าการแข่งขันด้านราคาหรือส่วนผสม
ในขณะที่ Nescafe และ Birdy ซึ่งมีราคาเพียง 17 บาทต่อกระป๋อง (180 มล.) นำเสนอความคุ้มค่าที่แตกต่างออกไป แบรนด์เหล่านี้เน้นการเข้าถึงง่ายและรสชาติที่คุ้นเคยในราคาที่คนไทยจับต้องได้ แม้จะมีส่วนผสมและปริมาณที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ทั้งสองแบรนด์ต่างก็ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้างที่มองหาเครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่มที่สะดวก ประหยัด และรสชาติถูกปาก
การเข้ามาของ Starbucks ในตลาดกาแฟกระป๋องไทย ไม่เพียงแต่เพิ่มความหลากหลาย แต่ยังทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพ Starbucks วางตำแหน่งเป็นสินค้าพรีเมียมด้วยราคาและภาพลักษณ์ (ชื่อแบรนด์) ในขณะที่ Nescafe และ Birdy ยังคงเน้นการเข้าถึงง่ายในราคาที่เป็นมิตร พร้อมกับรสชาติที่ถูกปากคนไทย ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นในการเลือกกาแฟกระป๋องที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรสนิยมของตนเอง
รายละเอียด
1. Starbucks Doubleshot Espresso Latte
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ/Ingredients : นมผงขาดมันเนย 5%, น้ำตาล 5%, ไขมันนมปราศจากน้ำ 1%, กาแฟสำเร็จรูป 1%, วัตถุเจือปนอาหาร [INS332(i), INS460(i) INS466, INS501(i)]
ปริมาณ : 220ml
ราคา : 49 บาท
ผลิตโดย : นิฮอน แคนแพค (มาเลเซีย) เอสดีเอ็น. บีเอชดี., ประเทศมาเลเซีย
นำเข้าโดย : บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
2. Nescafe Espresso Roast
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ/Ingredients : น้ำตาล 4.3%, กาแฟ (กาแฟสำเร็จรูปโรบัสตา,กาแฟสำเร็จรูปอาราบิกาและโรบัสตา) 2%, นมผงพร่องมันเนย 1.3%, ไขมันนมปราศจากน้ำ 0.7%, นมผงขาดมันเนย 0.6%, วัตถุเจือปนอาหาร [INS332(i), INS339(ii), INS340(ii), INS500(ii), INS1440], วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล (แอซีซัลเฟม เค) แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ
ปริมาณ : 180ml
ราคา : 17 บาท
ผลิตและจำหน่ายโดย : บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
3. Birdy Espresso Less Sugar
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ/Ingredients : นมสด 10%, น้ำกาแฟสกัดเข้มข้น 4%, น้ำตาล 2%, นมผง 1%, ครีมเทียม 1%, วัตถุเจือปนอาหาร [มอลโทเดกซ์ทริน, INS339(ii), INS340(ii), INS473, INS500(ii)] สารให้ความหวาน แต่งกลิ่นสังเคราะห์
ปริมาณ : 180ml
ราคา : 17 บาท
ผลิตและจำหน่ายโดย : บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
Coffee Traveler
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag
Comments