top of page

กาแฟยังเดินต่อ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเสียงแห่งความนิ่ง จากไร่กาแฟใน Shan State ประเทศพม่า

ree

ในขณะที่ข่าวจากเมียนมาหรือพม่า มักถูกเล่าผ่านภาพของความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องราวที่ค่อย ๆ เดินต่อไปอย่างเงียบงัน นั่นก็คือกาแฟ ซึ่งกาแฟในพม่าไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ได้มีแคมเปญใหญ่ และไม่ได้ถูกพูดถึงในตลาดโลกบ่อยนัก แต่สำหรับเกษตรกรจำนวนมาก ในพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือของพม่า กาแฟคือหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ยังพอจะพยุงชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้ 


Shan State คือหัวใจของกาแฟจากประเทศนี้ เป็นแหล่งปลูกกาแฟหลักของพม่า Shan State มีพื้นที่สูงที่มีภูมิประเทศและอากาศเหมาะสมกับการปลูกสายพันธุ์อาราบิกา ซึ่งกาแฟจากพม่ามีลักษณะเด่น ๆ คือ มีความสะอาดของรสชาติ acidity กลาง ๆ มี body ไม่หนัก และดื่มง่าย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้กาแฟพม่า มักถูกเลือกโดยโรงคั่วที่มองหากาแฟ balanced, gentle และไม่หวือหวาจนเกินไป


Shan State มีความเหมาะสมในการปลูกกาแฟ ตามหลักภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการปลูกอาราบิกา เพราะที่ราบสูงคือหัวใจของ Shan State โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศเมียนมา เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีลักษณะเด่นคือที่ราบสูงสลับภูเขา (Highland Plateau & Mountain Range) โดยมีลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญ คือมีระดับความสูงเฉลี่ย 900 – 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล และบางพื้นที่สูงกว่า 1,600 เมตร ภูมิประเทศเป็นลักษณะของภูเขาลูกคลื่น สลับที่ราบบนสันเขา และหุบเขาเล็ก ๆ ที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งโครงสร้างแบบนี้เหมาะกับกาแฟอาราบิกาเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้อุณหภูมิเย็นลงตามความสูง มีการระบายน้ำที่ดีที่จะลดความเสี่ยงน้ำขังที่ทำลายรากกาแฟ



Shan State มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนบนที่สูง (Subtropical Highland Climate) ที่แตกต่างจากพื้นที่ราบลุ่มของพม่าอย่างชัดเจน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีที่ 15–25°C กลางคืนอากาศจะเย็นมากโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว และมีความต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน (diurnal range) อย่างชัดเจน ซึ่งจุดนี้สำคัญมาก เพราะความต่างของอุณหภูมิ จะช่วยให้เมล็ดกาแฟสุกช้า และสะสมรสชาติและความหวานได้มากขึ้นนั่นเอง


Shan State มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,200 – 1,800 มม.ต่อปี โดยมีฤดูฝนที่ชัดเจนอยู่ในช่วงเดือน พ.ค. – ต.ค. และมีฤดูแล้งยาวนานพอให้กาแฟพักตัวก่อนออกดอก ซึ่งรูปแบบฝนแบบนี้ ทำให้เอื้อต่อการออกดอกพร้อมกัน และยังช่วยให้เก็บเกี่ยวได้เป็นรอบ รวมถึงลดปัญหาโรคบางชนิดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากเรื่องของฟ้าฝนที่ดีแล้ว ดินที่ Shan State ยังเป็นดินจากภูเขาไฟเก่า ที่มีดินร่วนลึก ดินในหลายพื้นที่ของ Shan State เป็นดินร่วนปนดินเหนียว ดินภูเขาไฟเก่าที่มีอินทรียวัตถุจากป่าบนเขา ด้วยคุณสมบัติดินที่เหมาะกับกาแฟ ทำให้ระบายน้ำได้ดี เก็บความชื้นได้พอเหมาะ และค่า pH โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 5.5 – 6.5 ซึ่งเหมาะกับกาแฟอาราบิกาเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเรื่องของแสงแดดและไม้ร่มเงา ที่แปลงส่วนใหญ่มีระบบปลูกแบบกึ่งป่าซึ่งเกษตรกรใน Shan State ส่วนใหญ่นิยมปลูกกาแฟร่วมกับไม้ยืนต้น โดยใช้ร่มเงาตามธรรมชาติ ไม่เปิดแปลงโล่งเต็มรูปแบบซึ่งผลที่ได้คือ ช่วยลดความเครียดของต้นกาแฟ ลดอุณหภูมิในแปลงได้ดี รักษาความชื้นของดิน และช่วยให้เมล็ดสุกช้าลง ส่งผลต่อคาแรกเตอร์กาแฟ จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้กาแฟจาก Shan State มักมีลักษณะ Acidity ต่ำ–กลาง (ไม่แหลม) มี Body กลาง และมี Flavor profile ออกไปทาง Nutty, Cocoa, Herbal และ Sweet finish จึงเป็นกาแฟที่เหมาะกับตลาดของญี่ปุ่น ไต้หวัน และเอเชียเป็นอย่างยิ่ง


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนทำให้การส่งออกกาแฟต้องเผชิญปัญหาการขนส่ง ที่มีต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น ผู้ซื้อรายใหญ่ลดความเสี่ยงในการสั่งซื้อ ทำให้ผลที่เกิดขึ้นคือ กาแฟจากพม่าจำนวนมากหายไปจากตลาด bulk แต่กลับไปปรากฏใน ล็อตเล็ก ๆ (micro / nano lot) แทน ซึ่งโรงคั่วที่ยังทำงานกับพม่าส่วนใหญ่ ก็จะเป็นโรงคั่วจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และยุโรปบางส่วน โดยเลือกทำ direct relationship รับซื้อในปริมาณจำกัด แต่เน้นคุณภาพ ทำให้กาแฟพม่าจึงไม่เติบโตในเชิงปริมาณ แต่พยายามรักษามาตรฐานให้ยังอยู่ในตลาดได้


ree

สำหรับหลายชุมชนใน Shan State กาแฟไม่ใช่พืชเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง แต่เป็นพืชที่ไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่สามารถขายตรงผ่านเครือข่ายเล็ก ๆ และเชื่อมต่อกับผู้ซื้อที่สนใจเรื่อง human impact จึงมีองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) และหรือกลุ่มช่วยเหลือบางแห่ง ยังคงสนับสนุนกาแฟในพม่าในฐานะพืชทางเลือกที่ให้รายได้ระยะยาว และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยตลาดที่ยังเปิดรับอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน และ specialty niche แม้ตลาดสหรัฐฯ และยุโรป จะระมัดระวังมากขึ้น แต่ญี่ปุ่นและไต้หวันก็ยังคงเป็นตลาดสำคัญของกาแฟพม่า ด้วยเหตุผลคือผู้ซื้อคุ้นเคยกับกาแฟเอเชีย ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระยะยาว และไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นเรื่องราวและคุณภาพ ซึ่งในบางกรณี กาแฟพม่าถูกวางตำแหน่งเป็น quiet coffee เป็นกาแฟที่ไม่ต้องอธิบายมาก แต่มีน้ำหนักทางจริยธรรมสูงกว่าเรื่องอื่นใด


กาแฟพม่าจาก Shan State ยังคงเผชิญกับปัญหาใหญ่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดการลงทุนด้าน processing infrastructure ความรู้เรื่อง post - harvest ยังไม่ทั่วถึง ระบบรับรอง (certification) ทำได้จำกัด รวมถึงความเสี่ยงด้านการขนส่งยังสูง แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่งจำกัดเหล่านี้ทำให้กาแฟพม่าไม่ถูกเร่งและไม่ถูกบิดรูปแบบ และยังคงความเรียบง่ายแบบดั้งเดิมไว้ได้ กาแฟจาก Shan State ประเทศพม่า อาจไม่ใช่กาแฟที่ตลาดต้องการมากที่สุด แต่เป็นกาแฟที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า กาแฟควรทำหน้าที่อะไรในโลกที่ไม่สมบูรณ์ใบนี้ เพราะในวันที่หลายประเทศต่างแข่งกันด้วยโปรเซสใหม่ ๆ แต่กาแฟพม่ากลับสื่อสารด้วยความนิ่ง และกำลังบอกเราว่า บางครั้ง การที่กาแฟยังคงถูกปลูก ถูกเก็บ และถูกชง ก็ถือเป็นชัยชนะเล็ก ๆ แล้ว



เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

Facebook : Coffee Traveler

Youtube : Coffee Traveler


Comments


bottom of page