เมื่อ “ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร” เปิดตัว แต่ชุมชนกลับตั้งคำถามว่าจะเกิดความยั่งยืนได้จริง หรือเพียงภาพลักษณ์ทางสังคม
- coffeetravelermag
- 12 minutes ago
- 1 min read
การเปิดตัวโครงการ “ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร” ของแสนสิริ กลายเป็นหนึ่งในข่าวที่ได้รับความสนใจในวงการกาแฟและการพัฒนาชุมชน นอกจากเป็นโปรเจกต์ที่ใช้กรอบคิด “เศรษฐกิจฐานราก” และ “ความยั่งยืน” เป็นจุดขายหลัก และยังถูกนำเสนอว่าเป็นพื้นที่พัฒนาทักษะ ยกระดับคุณภาพกาแฟไทย และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
ในขณะที่ข่าวประชาสัมพันธ์ของโครงการ มีน้ำหนักเชิงบวกอย่างชัดเจน เสียงสะท้อนจากคนกาแฟตัวเล็ก ๆ กลับตั้งคำถามถึง “ความยั่งยืน” ที่บริษัทภาคเอกชนนำเสนอ และชี้ให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างแนวคิดบนกระดาษกับประสบการณ์จริงที่คนในพื้นที่ต้องเผชิญ
ภาพของโครงการถูกวางตำแหน่งอย่างชัดเจนว่าเป็นความพยายามในการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ผ่านคำว่า “ยั่งยืน” เป็นหัวใจหลักของการสื่อสาร มีข้อความระบุว่าศูนย์จะเป็นพื้นที่ให้ความรู้ ฝึกทักษะ และสร้างโอกาสอาชีพ โดยใช้รูปแบบ ศูนย์การเรียนรู้ วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้างภาพว่าโครงการนี้เป็นของชุมชนและดำเนินงานเพื่อประโยชน์ของชุมชนเป็นหลัก เป็นโมเดลต้นแบบของการสร้างอาชีพ ไม่ใช่การลงทุนหวังกำไร เป็นโครงการที่ถูกนำเสนอว่าเป็นกลไกพัฒนาชุมชนที่ทันสมัย โปร่งใส และมีเจตนาดีต่อเกษตรกรกาแฟไทย

แต่อีกด้านที่คนกาแฟตัวเล็ก ๆ ต่างสะท้อนความคิดออกมาผ่านโลกออนไลน์ กลับแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะความกังวลต่อบทบาทของกลุ่มทุนในโครงการเพื่อสังคมลักษณะนี้
“เขาไม่ทำเองแต่ใช้คำว่า วิสาหกิจ หรือ กลุ่มนั่นโน่นนี่ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าไปแทรกแซงหาผลประโยชน์จากกลุ่มนั้น ๆ ชาวบ้านเป็นผู้ดูแล แต่ตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับนายทุน ที่สำคัญ คำว่า โมเดลเพื่อความยั่งยืนไม่มีอยู่จริงค่ะ ไม่มีนักลงทุนคนไหนทำเพื่อเกษตรกร ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แล้วเอาชาวบ้านตาดำ ๆ มาอ้างว่าเกิดความยั่งยืน ทั้งที่จริงคือการสร้างภาพค่ะ ซึ่งที่หมู่บ้านเรากำลังเผชิญอยู่ จะ 10 ปี แล้ว ยังไม่ยั่งยืน แต่นักลงทุนเหล่านี้ ก็ยังคงสร้างภาพต่อไป”
แม้ว่าโครงการจะใช้คำว่า “กลุ่ม” หรือ “วิสาหกิจชุมชน” แต่พวกเขากลับมองว่า องค์กรเหล่านี้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้เงื่อนไขของนักลงทุน ที่สุดท้ายการตัดสินใจสำคัญ เช่น การใช้งบประมาณ การจัดการพื้นที่ การควบคุมผลผลิต ก็ยังคงขึ้นอยู่กับบริษัททุน ไม่ใช่ชุมชน ซึ่งบางความเห็นบอกว่า มีโครงการลักษณะนี้มามากกว่า 10 ปี แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง หลายโครงการหยุดนิ่งทันทีเมื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านไป ชุมชนจึงมองคำว่า “ยั่งยืน” เป็นสิ่งที่ใช้สื่อ ไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มภาพลักษณ์ของบริษัท โดยใช้ชาวบ้านเป็นส่วนประกอบของเรื่องราวความยั่งยืน
ด้วยความแตกต่างทางความคิดอย่างมีนัยบางอย่างที่ออกมาจากใจของคนตัวเล็ก ๆ เราจึงเห็นได้ว่า “ความต่างของมุมมอง” ไม่ได้มาจากความขัดแย้งโดยตรง แต่เกิดจากโครงสร้างอำนาจในโมเดลการพัฒนาชุมชนแบบเอกชนเป็นแกน ที่มีความต่างระหว่างการมีส่วนร่วมกับมีอำนาจ เพราะหลายโครงการที่เกิดขึ้น ชุมชนถูกกำหนดบทบาทที่ต้องให้ความร่วมมือ แต่ไม่ได้มีอำนาจบริหาร ซึ่งโครงสร้างแบบนี้ ทำให้ชุมชนไม่สามารถตัดสินใจหรือกำหนดทิศทางของโครงการได้จริง และบางโครงการที่ออกแบบมาจากบริษัท ไม่ใช่การออกแบบมาจากบริบทชุมชนโดยชุมชนอย่างแท้จริง จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสิ่งที่บริษัทต้องการนำเสนอ กับสิ่งที่ชุมชนต้องการจริงในชีวิต
ความยั่งยืนควรเกิดจากระบบ ไม่ใช่คำที่ใช้สื่อสารภาพลักษณ์ ความยั่งยืนต้องประกอบด้วย อำนาจการตัดสินใจในมือชุมชน แบบชุมชนจริง ๆ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งในชุมชน รายได้ที่ต้องกระจายสู่คนในพื้นที่ชุมชนได้จริง เป็นโครงการที่เดินต่อไปได้ในวันที่บริษัทหรือนายทุนทอดทิ้ง และการสร้างองค์ความรู้ที่ไม่ผูกขาด ซึ่งหลายโครงการยังไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้

โครงการ “ศูนย์การเรียนรู้แบบครบวงจร” ที่เกิดขึ้นมานานและหรือที่กำลังจะเกิดขึ้น ต่างสะท้อนภาพใหญ่ของความสัมพันธ์ระหว่างทุนเอกชนและชุมชน ภาพที่ปรากฏตามสื่อคือโครงการที่มีเจตนาดี สนับสนุนชุมชน และมุ่งสู่ความยั่งยืน แต่อาจต้องฟังเสียงจากคนตัวเล็ก ๆ หรือคนในชุมชนนั้น ๆ จริง ๆ ที่เป็นตัวจริง เสียงจริง ที่อยู่ในพื้นที่จริง ๆ ซึ่งมันจะเป็นเสียงสะท้อนจากชุมชนที่ชี้ให้เห็นว่า ความยั่งยืนแบบประกาศไว้ในข่าว มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ เพราะชุมชนจริง ๆ ไม่ได้ถืออำนาจการตัดสินใจจริง และอาจไม่ทราบความเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดกับพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่เลยด้วยซ้ำ
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
Facebook : Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag



Comments