top of page

Brown fat and coffee: เมื่อกาแฟสามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้




การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า การดื่มกาแฟส่งผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่ายกายของเรา Michael Symonds ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Nottingham ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า นักวิจัยพบว่ากาแฟสามารถกระตุ้นสิ่งที่เรียกว่า ไขมันสีน้ำตาล (Brown Fat) ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งไขมันสีน้ำตาลเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ใช้ในการผลิตความร้อนในร่างกายและมีปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับไขมันปกติ (White Fat)


คุณสมบัติของไขมันสีน้ำตาลคือ มีหน้าที่สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและมีความเกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism System) เมื่อร่างกายผลิตความร้อนก็จะเกิดการใช้พลังงาน นำไปสู่การเผาผลาญแคลอรี่ และมีการค้นพบว่า การดื่มกาแฟ 1 ถ้วยสามารถส่งผลต่อการทำงานของเจ้าไขมันสีน้ำตาลนี้


ไขมันสีน้ำตาลหรือเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล (Brown Fat or Brown Adipose Tissue) สามารถเพิ่มกระบวนการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้ เดิมทีเชื่อว่าเนื้อเยื่อไขมันชนิดนี้สามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู และเด็กทารก เท่านั้น แต่ปัจจุบันพบว่า ไขมันสีน้ำตาลสามารถพบได้ร่างกายผู้ใหญ่เช่นกัน โดยผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำจะมีไขมันชนิดนี้มากกว่าผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายสูง


โดยปกติในร่างกายผู้ใหญ่ จะมีปริมาณไขมันชนิดนี้ประมาณ 50 – 100 กรัม และเมื่อเกิดกระบวนการสร้างความร้อนโดยไขมันชนิดนี้ พบว่า ไขมันสีน้ำตาลสามารถผลิตความร้อนได้มากกว่าอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายถึง 300 เท่า และสามรถสร้างความร้อนได้สูงสุดถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนในร่างกายปกติ







นักวิจัยทำการศึกษาโดยทดสอบการทำงานของไขมันสีน้ำตาลในร่างกายของอาสาสมัครที่ดื่มกาแฟไปแล้ว 1 ชั่วโมง ซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 65 มิลลิกรัม ผลการทดสอบพบว่า การดื่มกาแฟสามารถกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลมากขึ้น ซึ่ง Michael Symonds ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Nottingham กล่าวว่า นอกจากกาแฟจะช่วยลดน้ำหนักโดยการเข้าไปกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลมากขึ้นแล้ว การดื่มกาแฟยังมีผลต่อโรคเบาหวานอีกด้วย เพราะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นนั่นเอง


ในขั้นตอนต่อไป นักวิจัยจะทำการศึกษาว่า คาเฟอีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างไขมันสีน้ำตาลได้หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เพื่อการลดน้ำหนักหรือเพื่อผลทางสุขภาพอื่นๆ ในอนาคต



ข้อมูลจาก: Morgan Hines, USA TODAY

1,850 views0 comments
bottom of page