FOO Coffee Roaster x Loaf & Fish
- coffeetravelermag
- 4 days ago
- 2 min read

“ FOO Coffee Roaster ร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่อบอุ่น ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นหลัก จากเมล็ดกาแฟที่ถูกคัดสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน ด้วยความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร ไปพร้อม ๆ กับการเดินทางบนเส้นทางใหม่ที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม ”
คำว่า “เมืองกาแฟ” กลายเป็นอีกหนึ่งนิยามที่คุ้นหูกันดีเมื่อพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่ แน่นอนว่าฉายานี้ไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่เกิดมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าที่นี่คือหนึ่งในจังหวัดที่มีการผลิตกาแฟคุณภาพสูงที่สุดของไทย และได้รับการยอมรับในระดับโลก จนนำไปสู่การเกิดของร้านกาแฟมากมายที่ผุดขึ้นทุกหัวมุมถนน โดยแต่ละร้านก็มักจะมาพร้อมกับเอกลักษณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่น่าดึงดูด กาแฟที่ชงอย่างพิถีพิถัน หรือแม้แต่เรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งนอกเหนือจากร้านกาแฟสวย ๆ ที่เหมาะแก่การถ่ายรูปลงอินสตาแกรมแล้ว ในเมืองหลวงกาแฟแห่งนี้ ยังมีร้านกาแฟที่โดดเด่น ที่ไม่ได้มอบเพียงสุนทรียศาสตร์และความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า ที่คุณสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้าไปในร้าน อย่าง FOO Coffee Roaster x Loaf & Fish ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลริมน้ำปิง ที่เกิดจากการรวมตัวกันของยอดฝีมือฝั่งกาแฟและเบเกอรี สถานที่ที่ไม่ได้เป็นเพียงคาเฟ่สำหรับนั่งดื่ม แต่คือที่ที่สามารถสัมผัสถึงปรัชญาและความยั่งยืน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้อีกด้วย
หากถามว่ายอดฝีมือที่สร้างร้านนี้คือใคร แน่นอนว่าหากเป็นคอกาแฟ ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อคุณโหน่ง (ไกรสิทธิ์ ฟูสุวรรณ) ผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟและก่อตั้ง “กาแฟวาวี” แบรนด์กาแฟชื่อดังที่เติบโตไปเป็นเชนกาแฟระดับประเทศ ที่ปัจจุบันได้ผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัว และก่อตั้งร้าน FOO Coffee Roaster ร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่อบอุ่น ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นหลัก จากเมล็ดกาแฟที่ถูกคัดสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน ด้วยความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร ไปพร้อม ๆ กับการเดินทางบนเส้นทางใหม่ที่มีความท้าทายกว่าเดิม
คุณโหน่งได้เล่าให้เราฟังว่า “ผมต้องการความท้าทายใหม่ ๆ ที่ไม่อยู่ในกรอบเดิม ต้องการออกจากเซฟโซนของตัวเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้หวังว่าจะให้ใหญ่โตอะไรมากมาย เพียงแต่ต้องการทำร้านกาแฟ Specialty ในรูปแบบใหม่ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมกาแฟไทย โดยจุดเด่นของร้าน คือ ทำเลที่เหมาะสม ใกล้กับสะพานนวรัฐและขัวเหล็ก สองสถานที่ขึ้นชื่อในเชียงใหม่ และเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพราะเชื่อว่าจะช่วยยกระดับกาแฟไทยได้”
คุณโหน่งกล่าวต่อไปว่า ร้าน FOO Coffee Roaster สร้างขึ้นโดยยึดมั่นและให้ความสำคัญกับ 3 หัวใจหลัก คือ F O และ O ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน โดยเริ่มที่ F มาจากคำว่า Fair Trade เป็นการยึดถือในการค้าที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไปจนถึงราคาที่ยุติธรรมและคุ้มค่ากับเกษตรกรมากที่สุด O มาจากคำว่า Offset หมายถึง จิตสำนึกในสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายในการดำเนินโครงการชดเชยคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการผลิตกาแฟ และสุดท้าย O มาจากคำว่า Origin คือ การสร้างสรรค์การเดินทางของกาแฟ ด้วยเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดไปสู่การชงกาแฟที่สมบูรณ์แบบ ผสมผสานกับความหลงใหลและความรักในชุมชน และด้วยหัวใจสามประการ ที่เป็นดั่งกุญแจ 3 ดอกที่ร้อยเรียงกันอยู่นี้ จึงทำให้ Foo Coffee Roaster กลายเป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่นอกจากจะมีคุณภาพในด้านเครื่องดื่มและอาหารแล้ว ยังสามารถสื่อถึงศีลธรรม ความเป็นธรรม และความโปร่งใสต่อเกษตรกร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความจริงใจให้แก่ลูกค้า รวมถึงเหล่าเกษตรกรผู้อยู่เบื้องหลังในการคัดสรรสุดยอดเมล็ดกาแฟให้แก่ทางร้านได้อีกด้วย
“เราใช้กาแฟอาราบิกาไทย เราเชื่อว่ากาแฟไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพของกาแฟ ขั้นตอนต่าง ๆ ไปจนถึงการคัดเลือกเมล็ด เมล็ดกาแฟที่เราใช้มาจากแหล่งเพาะปลูก 3 แห่ง ได้แก่ ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย จากกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ดอยสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จากลุ่มชาวกระเหรี่ยง และสุดท้ายมาจากแม่แจ๋ม จังหวัดลำปาง”
คุณโหน่งกล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีบางส่วนที่มาจากจังหวัดน่าน และมีกาแฟเบลนด์สูตรของร้าน ทั้ง 3 ระดับการคั่ว ตั้งแต่คั่วเข้ม จากสายพันธุ์ Catimor และ Typica ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำตาลทรายแดง กลิ่นอายของช็อกโกแลตเข้มข้น และความหอมของคาราเมล หรือจะเป็น Catimor, Java และ Typica ในระดับคั่วกลาง มีรสชาติผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง Black Tea, Tamarind, Caramel และ Nutty และสุดท้ายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Chiangmai Jaidee ที่มาจากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ Catimor และ Typica เป็นคั่วอ่อนที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเข้มมาก ทั้งยังให้รสชาติที่หอมเป็นเอกลักษณ์จาก Floral, Tamarind, Nutty, Fruit Juice และ Jasmine ซึ่งเป็นตัวที่ทางร้านอยากนำเสนอให้กับลูกค้าได้ลองชิม
“นอกจากกาแฟไทย ที่ร้านก็มีกาแฟนอกด้วย ทั้ง Ethiopia, Indonesia, Rwanda แล้วก็มีการเสิร์ฟแบบ Slow Bar ซึ่งตรงนี้เราจะใช้เป็น Specialty Coffee คั่วอ่อน ที่จะให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนกับตัวก่อนหน้า มักจะเป็นตัวที่ให้โทนแบบ Floral, Strawberry, Maple, Herbal, Red Grape และ Fruit Juice”
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้าน ย่อมต้องเป็นสไตล์การตกแต่ง ที่ดูเรียบง่าย สไตล์มินิมอล แต่อบอุ่นด้วยลายไม้สีอ่อน ที่สะท้อนถึงความชอบส่วนตัวของคุณโหน่งที่มีต่อไม้ ซึ่งเราอาจเคยพบเห็นมาแล้วในการตกแต่งของร้านกาแฟวาวี โดยครั้งนี้คุณโหน่งได้เลือกใช้ไม้สีอ่อนจับคู่กับพื้นหลังสีขาว เพื่อสร้างความแตกต่างโดยไม่ทำให้พื้นที่ดูมืดหรือขาวเกินไป นอกจากนี้ ยังใช้กระจกจำนวนมากเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา และสร้างบรรยากาศที่โปร่งสบาย พร้อมทั้งวางโคมไฟในมุมต่าง ๆ อย่างมีชั้นเชิงเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่จะไม่ดูว่างเปล่าเกินไป
“ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนตอนที่ยังทำกาแฟวาวีก็เน้นไม้เป็นวัสดุหลักเหมือนกัน แต่จะเป็นไม้ที่ออกโทนมืด และหลังจากตัดสินใจมาทำร้านกาแฟ อยากใส่ความเป็นตัวเองลงไป แต่ไม่อยากให้เป็นโทนมืดเหมือนเดิม แต่จะขาวไปทั้งหมดก็ไม่ได้ จึงเลือกเป็นไม้สีอ่อนให้ตัดกับพื้นหลังสีขาวแทน แล้วมีกระจกให้ได้มากที่สุด ที่เลือกใช้กระจกเป็นหลัก เพราะต้องการให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามาภายในร้าน ทำให้ร้านปลอดโปร่งและไม่อัดอึดมากจนเกินไป”
แม้การตกแต่งร้านจะดูเรียบหรู รวมไปถึงเมล็ดกาแฟที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ แต่คุณโหน่งก็ยืนยันในราคาที่สมเหตุสมผล สมกับที่มีคำว่า Fair Trade อยู่ในชื่อร้าน ที่ไม่เพียงแต่เป็นราคาที่ยุติธรรมต่อเกษตรกร แต่ยังต่อลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย โดยกาแฟของร้าน Foo Coffee Roaster มีราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาทเท่านั้น สำหรับเมนูคาปูชิโน หรือลาเต้ และสำหรับกาแฟเย็นจะเริ่มที่ 65 บาท ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคุณภาพและความอร่อยกับราคาเพียงเท่านี้ มั่นใจได้ถึงความคุ้มค่าแน่นอน นอกจากเมนูกาแฟที่เป็นตัวชูโรงแล้ว ทางร้านยังมีเมนูเบเกอรี ที่เกิดจากอีกยอดฝีมือที่มาร่วมสร้างร้านแห่งนี้กับคุณโหน่ง อย่างเชฟแนน (รินเมธ ไทยสุชาติ) เจ้าของร้าน Cuisine de Garden ผู้บุกเบิกอาหารแนว Molecular Gastronomy ร้านแรกในเชียงใหม่ ที่ได้เอาเมนูปลาที่ตัวเองถนัด มารวมกับขนมปัง เพื่อแยกมาทำคาเฟ่ที่ขายอาหารและเบเกอรีอย่างง่าย ๆ อย่าง Loaf & Fish และเมื่อยอดฝีมือกาแฟและเบเกอรีมาเจอกัน ร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล ที่นำเสนอกาแฟ เครื่องดื่ม และเบเกอรี ที่เน้นคุณภาพ ไม่ใช่แค่มุมถ่ายรูปจึงเกิดขึ้น ภายใต้ชื่อ Foo Coffee Roaster X Loaf & Fish Bekery ที่เพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม การออกแบบ หรือกลิ่นหอมอบอวลของกาแฟคุณภาพและขนมปังสดใหม่ ทุก ๆ รายละเอียดล้วนแล้วสะท้อนถึงความตั้งใจที่ซ่อนอยู่ภายในบรรยากาศของร้านกาแฟแห่งนี้ พร้อมเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่าการเป็นร้านกาแฟ ”
ขนมปังของทางร้านเป็นสูตรที่ทางเชฟแนนคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเองทุกเมนู แต่ละเมนูผ่านการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลองผิดลองถูกจนได้ขนมปังที่สมบูรณ์ที่สุด โดยทางร้านจะผลิตขนมปังวันต่อวัน สด ๆ ร้อน ๆ จากเตา เพราะต้องการให้ลูกค้าได้รับรสชาติ และความเป็นขนมปังของทางร้านจริง ๆ ทั้งความหอม ความมัน และตัดด้วยความเค็มนิด ๆ เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน นอกจากนี้ ภายในร้านยังมีโซนสำหรับขนมปังโดยเฉพาะ ให้ลูกค้าได้เลือกด้วยตัวเอง หากสนใจชิ้นไหนสามารถหยิบไปจ่ายที่เคาเตอร์ได้ด้วยตัวเอง โดยคุณโหน่งกล่าวเสริมว่า ที่ใช้รูปแบบการบริการตัวเองแบบนี้ เพราะตั้งใจว่าจะให้พื้นที่ส่วนตัวสำหรับลูกค้า เพราะเชื่อว่าไม่มีลูกค้าคนไหนชอบการที่มีพนักงานมายืนกดดันระหว่างการเลือกอาหาร และเครื่องดื่มมากเกินไป ทางร้านจึงแก้ปัญหาด้วยการจัดโซนสำหรับขนมปัง เพื่อให้อิสระในการเลือกของลูกค้านั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นร้านที่เอาใจใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ของลูกค้ามากจริง ๆ และสำหรับใครที่ต้องการเปิดประสบการณ์การรับประทานกาแฟใหม่ ๆ พร้อมขนมปังแท้ ๆ สูตรเฉพาะ ไม่เหมือนใคร Foo Coffee Roaster X Loaf & Fish Bekery ตอบโจทย์ของท่านอย่างแน่นอน

Contributor
คุณโหน่ง (ไกรสิทธิ์ ฟูสุวรรณ) เจ้าของร้าน Foo Coffee Roaster อดีตเจ้าของแบรนด์กาแฟชั้นนำอย่าง “กาแฟวาวี” ที่วางมือแล้วมาออกมาหาเส้นทางใหม่ ๆ ที่ท้าทาย โดยการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะออกจากกรอบเดิม ๆ ที่เคยทำมา พร้อมแนวคิดที่ต้องการสนับสนุนกาแฟไทยให้ก้าวเข้าสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง เพราะคุณโหน่งเชื่อว่า “กาแฟไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก” จึงเกิดมาเป็นร้านกาแฟ Specialty ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกชั้นยอดของไทย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “กาแฟ” จริง ๆ
----
ร้านเปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด เริ่มตั้งแต่เวลา 07:00 - 17:00 น.
Facebook : Foo Coffee X Loaf & Fish
Tel : 09 2495 6464
Coffee Traveler
เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ
และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ
- - -
สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler
Instagram : coffeetraveler_magazine
Youtube : Coffee Traveler
Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag
Comments