top of page

Barako Trees ยักษ์ใหญ่แห่งฟิลิปปินส์ มรดกสายพันธุ์ Liberica ที่กำลังหวนคืนสู่โลกกาแฟ

ในโลกของกาแฟที่ส่วนใหญ่ต่างหมุนรอบ Arabica และ Robusta แต่ยังมีกาแฟสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ในฟาร์มเก่าแก่ของประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้นกาแฟที่สูงใหญ่ รากลึก และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์


Barako หรือ Liberica ที่แทบจะสูญหายไปจากเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ วันนี้มันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพราะกำลังจะได้รับการพูดถึงบนเวทีระดับเอเชียโดยเฉพาะ ในงาน Asia International Coffee Conference (AICC) ในเดือนธันวาคมนี้ โดยเป็นหัวข้อที่ถูกบรรจุเข้าไปในวงสนทนาในประเด็น “Spotlight on Philippines: Rare varietal diversity and strategic market position”


Photo Credit : matadornetwork
Photo Credit : matadornetwork

Barako เป็นชื่อเรียกของกาแฟสายพันธุ์ Coffea liberica ที่ได้รับการปรับตัวเข้ากับภูมิประเทศฟิลิปปินส์มากกว่า 150 ปีแต่สิ่งที่ทำให้ต้น Barako ไม่เหมือนใคร คือ โครงสร้างทางชีวภาพและสรีรวิทยาของมัน ด้วยคุณสมบัติของ Barako ที่มีความสูงได้มากกว่า 15–20 เมตร ซึ่งเป็นกาแฟที่สูงที่สุดในบรรดากาแฟเชิงพาณิชย์ มีระบบรากลึก ทำให้ทนแล้งได้ดี มีใบใหญ่และหนา ปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศร้อนชื้น มีผลและเมล็ดยาวขนาดใหญ่ มีปลายงุ้ม (hooked end) ซึ่งเป็นแบบเฉพาะในตระกูล Liberi มีทรงพุ่มใหญ่ ให้ร่มเงาคล้ายไม้ป่าขนาดกลาง


ต้น Barako ที่มีลักษณะของต้นใหญ่เกินกว่าจะเป็นพืชสวนแบบกาแฟทั่ว ๆ ไป จึงทำให้มันเป็นต้นกาแฟที่ต้องใช้แรงงานสูง และนั่นคือสาเหตุสำคัญที่มันค่อย ๆ หายไป


เรื่องราวของ Barako เริ่มต้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19 เมื่อสเปนนำกาแฟ Liberica เข้ามาปลูกในจังหวัด Batangas ของฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกาแฟที่สำคัญที่สุดของเอเชียในยุคนั้น ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรือง จนได้ฉายาว่า “Coffee Capital of the Philippines” และประเทศฟิลิปปินส์ก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของโลก ด้วยสายพันธุ์ Barako ที่ถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป


แต่เมื่อโรคราสนิมระบาดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มันทำลายสวนกาแฟทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Barako ที่สูงและเก็บเกี่ยวยาก ทำให้เกษตรกรจำนวนมากเลือกตัดทิ้งแล้วหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน จนทำให้ Barako จากสายพันธุ์เศรษฐกิจระดับประเทศ กลายเป็นพืชใกล้สูญพันธุ์ ต้นกาแฟจำนวนมากถูกปล่อยให้เป็นไม้ป่า หลายครอบครัวเกษตรกรไม่มีผู้รับช่วงต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าต้นมันสูงเกินไปและไม่คุ้มต่อต้นทุนแรงงาน


เมื่อเราเอา Barako ไปเทียบกับ Arabica ที่ปลูกง่ายบนพื้นที่สูง และ Robusta ที่ให้ผลผลิตมากกว่า Liberica หรือ Barako จึงถูกมองว่าอยู่นอกระบบอุตสาหกรรมใหญ่ ถึงแม้มีศักยภาพด้านรสชาติและเรื่องราวมากมายก็ตาม


Photo Credit : matadornetwork
Photo Credit : matadornetwork

จุดเด่นของ Liberica หรือ Barako คือทนร้อนได้มากกว่า Arabica มีความหลากหลายทาง DNA ที่กว้างกว่า มีระบบรากลึก ทนแล้ง และมีความต้านทานโรคหลายชนิดมากกว่า Arabica นี่จึงเป็นเหตุผลที่นักวิจัยกาแฟทั่วโลกเริ่มกลับมาสนใจ Liberica สายพันธุ์นี้กันมากขึ้นในช่วง 5–10 ปีที่ผ่านมา บางงานวิจัยระบุว่า ตระกูล Liberica อาจเป็นกุญแจสำคัญของอนาคตกาแฟโลก ต้น Barako จึงไม่ได้มีคุณค่าเฉพาะฟิลิปปินส์ แต่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเสถียรภาพอุปทานกาแฟโลกในอนาคต


Barako คือรสชาติที่บอกตัวตนของ Liberica อย่างชัดเจน ด้วยกลิ่นไม้ (woody) ชัด โทนสมุนไพร เครื่องเทศ บอดี้หนัก ความขมลึก และมีหวานคาราเมลบาง ๆ ทั้งหมดนี้คือคาแรกเตอร์ที่ทำให้ Barako ในภาษาตากาล็อก แปลว่า “เข้ม แข็ง กล้าหาญ” กลายเป็นนิยามของกาแฟชนิดนี้ และในตลาด specialty วันนี้ บางโรงคั่วเริ่มให้คะแนนหรือออกแบบรสชาติของ Liberica Barako ในแบบของตัวเอง และพบว่าผู้บริโภคจำนวนมากสนใจเพราะมันไม่เหมือนใคร โดยมีหลายแบรนด์ specialty ในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลี เริ่มนำเข้า Barako เพื่อทำเป็นคอลเลกชันพิเศษ โดยบางร้านชู Barako เป็น “signature cup”


สำหรับผู้ที่มองหาบางสิ่งที่แตกต่างจาก Arabica ถึงแม้ตลาดยังเล็ก แต่การรับรู้ทางวัฒนธรรมและมูลค่าเชิงเรื่องเล่า กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่การประชุมในงาน Asia International Coffee Conference (AICC) ในเดือนธันวาคมนี้ จะมีหนึ่งในหัวข้อไฮไลท์ที่พุ่งตรงไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ในเรื่องของ “ความหลากหลายของสายพันธุ์กาแฟหายากในฟิลิปปินส์


Photo Credit : matadornetwork
Photo Credit : matadornetwork

เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

Facebook : Coffee Traveler

Youtube : Coffee Traveler

Comments


bottom of page