top of page

Japan Grows Coffee การพยายามปลูกกาแฟในประเทศญี่ปุ่น จากเกาะโอกินาวะถึงโรงเรือนอัจฉริยะกลางแผ่นดินใหญ่


ree

ในประเทศที่มีฤดูหนาวยาวนาน อากาศติดลบ และหิมะปกคลุมภูเขาสูงเกินครึ่งของแผ่นดิน จึงเกิดคำถามว่า ประเทศญี่ปุ่นสามารถปลูกกาแฟได้จริงหรือไม่ และดูเหมือนจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย


เพราะในช่วง 5 – 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นกำลังเกิดกระแสใหม่ ด้วยการทดลองปลูกกาแฟอย่างจริงจัง ทั้งในโอกินาวะทางใต้ของประเทศ และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ การปลูกกาแฟในตอนกลางของญี่ปุ่นบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเขตนอกเส้น Coffee Belt อย่างชัดเจน ซึ่งระบบทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความพยายามของฟาร์มธุรกิจเล็กถึงใหญ่ ที่ต้องการสร้างให้เกิดกาแฟที่ถูกปลูกในประเทศญี่ปุ่น เป็นสินค้าพิเศษระดับพรีเมียม

บทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทุกโครงการสำคัญ ๆ ตั้งแต่การทดลองเล็ก ๆ จนถึงโรงเรือนอัจฉริยะขนาด 1,500 ตร.ม.ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกาแฟญี่ปุ่น


ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่บริโภคกาแฟมากที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่ง แต่กลับต้องพึ่งพาการนำเข้ามากกว่า 98 – 99% ของกาแฟทั้งหมดที่บริโภคในประเทศ และปัจจัยที่ผลักให้เกิดการทดลองปลูกกาแฟในประเทศ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) บริษัทกาแฟรายใหญ่อย่าง Key Coffee กำลังร่วมงานกับโครงการนานาชาติ เพื่อค้นหาสายพันธุ์ที่ทนร้อน ทนหนาว และเหมาะกับอนาคตของการปลูกในหลายประเทศ (อ้างอิง: WCR / International Multilocation Variety Trial – Key Coffee รายงานการวิจัย)


เศรษฐกิจและความมั่นคงด้านอาหาร ในหลายพื้นที่ รัฐบาลท้องถิ่นสนับสนุนให้เกษตรกรทดลองพืชใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า รวมไปถึงเป็นอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ชนบทที่กำลังคนลดลง และต้องการสร้างตลาดแบบพรีเมียม กาแฟที่ปลูกในญี่ปุ่น (Japan-grown coffee) จะเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์สูง ให้มูลค่าเพิ่มแบบของฝากท้องถิ่นได้ดี ถึงแม้จะมีปริมาณน้อยมากก็ตาม


หลายคนอาจรู้ว่ามีแต่ที่โอกินาวะเท่านั้นที่พยายามปลูกกาแฟ แต่จริง ๆ แล้ว ยังมีอีกอย่างน้อย 3 โซนหลัก ที่ปลูกอยู่เช่นกัน คือ ในโซนใต้ของประเทศ คือที่ Okinawa, Amami และ Tokunoshima ซึ่งเป็นเขตอากาศใกล้กึ่งร้อน และในโซนกลางของประเทศ คือที่ฮอนชู Nagano, Gifu, Gunma, Saitama, Shizuoka ซึ่งเป็นเขตอากาศเย็นถึงหนาว และที่เด็ดสุดคือ โรงเรือนเพาะปลูกทดสอบทั่วประเทศ ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมสภาพแวดล้อม และการปลูกกาแฟในตอนกลางของญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นกรณีที่น่าสนใจที่สุด เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด



ในจังหวัดกุนมะ เมืองฟุจิโอกะ มีฟาร์มปลูกกาแฟเรือนกระจก 1,500 ตร.ม. ที่น่าจะเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นทั้งหมด คือที่ 藤岡コーヒーハウス農園  (Fujioka Coffee House Farm) คือฟาร์มที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงปี 2024–2025 เพราะนี่คือกรณีที่พิสูจน์ว่าตอนกลางของประเทศนี้ ก็สามารถปลูกกาแฟได้จริง หากมีเทคโนโลยีสนับสนุน ด้วยโครงสร้างโครงการที่มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1,500 ตร.ม. มีโรงเรือนทั้งหมด 2,600 ตร.ม. มีจำนวนต้นกาแฟกว่า 300 ต้น ที่ปลูกสายพันธุ์ Typica, Bourbon, Geisha และ Caturra ด้วยเทคโนโลยีการควบคุมอุณหภูมิแบบ Remote Monitoring มีระบบให้น้ำอัตโนมัติ มีเซ็นเซอร์วัดคาร์บอนไดออกไซด์และความชื้น และระบบระบายอากาศเฉพาะฤดูร้อน โดยมีจุดสำคัญ คือพื้นที่นี้มีสภาพอากาศหนาวและมีหิมะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้การปลูกกาแฟตามธรรมชาติทำได้ยาก จึงต้องใช้โรงเรือนและเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ ทำให้กาแฟยังสามารถออกดอก ติดผลเชอร์รี และให้ผลเก็บได้ในปีถัดไป จึงถูกมองว่าเป็นโมเดลต้นแบบของการปลูกกาแฟในพื้นที่ Non-Coffee Belt


จังหวัดนากาโนะ เมืองอุเอะดะ กับโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ ที่หันมาปลูกกาแฟ ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยุคใหม่ ที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ Art Meta ในเมือง Ueda เริ่มทดสอบปลูกกาแฟในโรงเรือน โดยมีรายละเอียดของโครงการ คือใช้โรงเรือนเพื่อทดลองว่ากาแฟทนต่อหิมะตกได้หรือไม่ พัฒนาระบบความร้อนแบบประหยัดพลังงานเพื่อให้ต้นกาแฟอยู่รอดในช่วงฤดูหนาว และเชื่อมต่อกับโครงการเกษตรชุมชน เป็นต้น โดยมีแรงจูงใจทางธุรกิจ คือการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับบริษัท ต้องการสร้างผลผลิตพรีเมียมของท้องถิ่น “Nagano Coffee” และสุดท้ายคือต้องการใช้พื้นที่ว่างของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด



นอกจาก 2 แหล่งที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกอย่างน้อย 2 แหล่ง ที่ทดลองปลูกกาแฟ เช่นที่ Gifu ซึ่งเป็นธุรกิจท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกับชุมชน และทดลองปลูกกาแฟเพื่อสร้างการท่องเที่ยว โดยเป็นฟาร์มขนาดกลางและเล็ก ที่ทดลองปลูกโดยใช้เรือนกระจกขนาดไม่ใหญ่ แต่มีจุดขายคือเปิดให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้การปลูก การคั่ว และวิธีการดริป เป็นต้น


นอกจากการปลูกกาแฟที่อยู่ในโซนกลางของประเทศแล้ว การปลูกกาแฟในโซนใต้ของญี่ปุ่น ก็มีพื้นที่ที่ปลูกกาแฟได้ตามธรรมชาติมากกว่า เช่น Okinawa ที่มีฟาร์มกว่า 30 แห่ง โดยเน้นสายพันธุ์ Typica และ Bourbon ที่เป็นการปลูกในสวนปกติ ไม่ต้องใช้เรือนกระจกมากเท่า Honshu เป็นต้น


เทคนิคการปลูกที่ประเทศญี่ปุ่นใช้ฝ่าฟันปัญหาหลายอย่าง เช่น การใช้โรงเรือนที่คุณภาพสูง เพื่อป้องกันลมหนาว น้ำค้างแข็ง หิมะ และช่วยควบคุมแสงแดดในช่วงฤดูร้อน สร้างระบบความร้อนแบบประหยัดพลังงาน หลายฟาร์มใช้วิธีสร้างท่อความร้อนใต้พื้น สร้างระบบหมุนเวียนอากาศ และระบบพลังงานผสมผสาน (Hybrid heating) รวมถึงระบบ Smart Farming ที่ใช้เซ็นเซอร์ CO₂, การควบคุมความชื้น และ Soil moisture เพื่อควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการเลือกสายพันธุ์ที่ทนเย็นได้ดี อย่าง Typica, Bourbon, Caturra และ Geisha


ถึงแม้จะฟังดูยาก แต่ประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นเอง มีจุดแข็งคือความละเอียดและจริงจัง ที่มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเมื่อรวมกับตลาดที่ให้คุณค่ากับสินค้าท้องถิ่นคุณภาพ จึงทำให้กาแฟที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่นเป็นของหายากที่มีเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และยังเป็น inspiration ที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการกาแฟไทยเช่นกัน ว่าการปลูกกาแฟนอกเขตเหมาะสม อาจไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป ถ้าใช้เทคโนโลยี ความรู้ และการตลาดเดินไปพร้อม ๆ กัน



เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

Facebook : Coffee Traveler

Youtube : Coffee Traveler

Comments


bottom of page