top of page

Julie Dang : The world Judge who fall in love with coffee



คุณ Julie Dang หนึ่งในผู้มากความสามารถแห่งวงการกาแฟ ประธานองค์กร Global Coffee School organization สมาชิกสมาคมกาแฟพิเศษแห่งยุโรป (Speciality Coffee Association of EUROPE : SCAE) ทั้งยังเป็นเจ้าของ ผู้ฝึกสอน และผู้บริหารสถาบัน Vietnam Barista School โรงเรียนสอนบาริสต้าในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม มีประสบการณ์เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันในสังเวียนกาแฟมาแล้วกว่า 16 เวที ทั้งในระดับเอเชียอย่างประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และประเทศไทย ไปจนถึงการแข่งขันระดับโลก แถมยังเป็นที่ปรึกษาด้าน foodservice start-ups อีกด้วย


ด้วยประสบการณ์ของเธอนั้น การันตีความช่ำชองและเชี่ยวชาญทางด้านกาแฟได้อย่างไม่มีข้อกังขา เรามาทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น ผ่านมุมมองและเรื่องราวของเธอกับกาแฟ ที่ทำให้เราสัมผัสได้ว่า Julie Dang เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อกาแฟ





คุณ Julie คลุกคลีอยู่ในวงการกาแฟมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นของเธอคือ การดื่มกาแฟแก้วแรกในชีวิต และมันก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป


“จุดเริ่มต้นก็คือ ความประทับใจจากการดื่ม espresso ที่มีครีม่า on top อยู่ด้านบน นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันดื่มกาแฟเลยล่ะ แล้วมันก็ให้ความรู้สึกแสนนุ่มละมุน ซึ่งช่างขัดแย้งกับสีน้ำตาลเข้มๆ แก่ๆ ของกาแฟอย่างสิ้นเชิง กาแฟแก้วนั้นให้รสหวานติดค้างอยู่ในปาก เป็น Aftertaste ที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะให้รสชาติแบบนี้ได้”

จากการดื่มกาแฟครั้งแรกในตอนนั้น ทำให้เธอหลงรักในเครื่องดื่มสีน้ำตาลชนิดนี้ และก้าวเข้าสู่วงการกาแฟอย่างเต็มตัว พัฒนาตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของกาแฟ เดินสายเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขันกาแฟในรายการต่างๆ และเปิดโรงเรียนสอนบาริสต้า ซึ่งมีนักเรียนหลายพันคนเรียนจบหลักสูตรจากโรงเรียนของเธอไปเรียบร้อยแล้ว




“เราก่อตั้งสถาบัน Vietnam Barista School ขึ้นมา โดยมีความมุ่งหวังว่าจะเป็นสถานที่แบ่งปันองค์ความรู้ให้กับผู้คนในเรื่องของการส่งเสริมการดื่มกาแฟคุณภาพดี ผ่านการทำความเข้าใจถึงวิธีการประเมินคุณภาพกาแฟ คุณจะรับรู้ถึงคุณภาพของกาแฟได้ ก็ด้วยความเข้าใจในเรื่องของกรรมวิธีการชงกาแฟแก้วหนึ่ง คุณจะรับรู้ถึงความเป็นมาตรฐานได้ ก็ด้วยความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของกาแฟแก้วที่คุณถืออยู่ และเมื่อคุณรับรู้ถึงคุณค่าของกาแฟที่อยู่ในมือแล้ว มันอาจจะทำให้คุณมองโลกในมุมใหม่ไปเลยก็ได้”



เมื่อถามถึงเหตุผลในการเปิดโรงเรียนสอนบาริสต้าในเวียดนาม เธอตอบเราว่า “จริงๆ แล้วเหตุผลมันเรียบง่ายมากเลยนะ เพราะฉันชอบกาแฟ ฉันก็เลยอยากจะแสดงให้ผู้คนเห็นว่าทำไมฉันถึงชอบมัน ก็เท่านั้นเอง สำหรับฉัน กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม ในบางคน การดื่มกาแฟก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน แต่สำหรับบางคนแล้ว กาแฟคือทั้งชีวิต”


กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม ในบางคน การดื่มกาแฟก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน แต่สำหรับบางคนแล้ว กาแฟคือทั้งชีวิต

คุณ Julie ยังเล่าให้เราฟังอีกว่า เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากกาแฟ เธอชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ อยู่แล้ว และเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นๆ จากกาแฟ เบียร์ และอาหาร และมันทำให้เธอได้เข้าใจผู้คนในท้องที่นั้นๆ เข้าใจถึงวิถีชีวิต ลักษณะนิสัย ครอบครัว วัฒนธรรม ผ่านการมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างกาแฟและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน และทุกครั้งที่เธอสอนอยู่ในห้องเรียน เธอบอกกับเราว่าเธอรู้สึกสนุกและมีความสุขเหมือนกับข้างในจิตใจของเธอกำลังร้องเพลงอยู่เลยทีเดียว


เพียงแค่พูดคุยกับเธอแบบนี้ เราก็รับรู้ได้อย่างเต็มหัวใจเลยว่าเธอทั้งหลงรักและหลงใหลในกาแฟอย่างแท้จริง และคงเป็นเพราะความรักที่มากมายนั้น ทำให้เธอทุ่มเททำอะไรหลายๆ อย่างให้ออกมาดีเยี่ยมได้ เพราะนอกจากจะเปิดสอนโรงเรียนบาริสต้า ซึ่งเธอทำหน้าที่เป็นทั้งผู้สอนและผู้บริหารเองแล้ว ยังมีงานด้านอื่นๆ ที่เธอทำด้วยเช่นกัน เป็นทั้งกรรมการตัดสิน เป็นที่ปรึกษา เป็นประธานองค์กร ซึ่งเรียกได้ว่ายุ่งและเหนื่อยพอสมควร แต่เราก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังและความรักอันเปี่ยมล้นในการทำงานของเธอ





เมื่อพูดถึงการทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันประเภทต่างๆ เธอเล่าให้เราฟังอย่างติดตลกว่า “ฉันขอบอกก่อนเลยว่า ฉันหลงรักการแข่งขันมาก และเริ่มเป็นกรรมการตัดสินครั้งแรกในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่แล้ว คนชอบที่จะเห็นฉันเป็นผู้ตัดสินด้านเทคนิค เพราะพวกเขาเชื่อว่าฉันหูตาไวพอที่จะสอดส่องผู้เข้าแข่งขันได้ (หัวเราะ) และฉันก็พบว่าการเป็นผู้ตัดสินด้านเทคนิคนี่มันน่าสนใจมาก ฉันรักงานของฉันจริงๆ หลังจากนั้น ฉันก็ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินด้าน sensory ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวกับรสสัมผัสและคำอธิบายต่างๆ (หัวเราะ) แต่ฉันก็รักงานนี้เหมือนกัน” เธอเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ


เราอยากให้คุณ Julie พูดถึงกาแฟเวียดนามและอุตสาหรรมกาแฟในเวียดนามสักหน่อย เธอบอกว่า “อย่างที่ทราบกันดีว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีชื่อเสียงในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟวิถีดั้งเดิมแบบ Phin ซึ่งเป็นวิธีการดริปกาแฟแบบพิเศษ ให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟอย่างช้าๆ โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก จะได้กาแฟที่มีความเข้มข้นและมีรสชาติคล้ายๆ เอสเพรสโซ ในวัฒนธรรมของเรานั้น จะนิยมเติมนมข้นหวานลงไปในก้นแก้วและรอจนกระทั่งกาแฟหยดลงตามปริมาณที่ต้องการ จากนั้นก็คนให้เข้ากัน จะดื่มแบบร้อนหรือเติมน้ำแข็งก็ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบรสชาติกาแฟแบบดั้งเดิมเมนูนี้ คุณจะต้องลองดื่มกาแฟ Phin ให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อที่จะได้สัมผัสถึงการผสมผสานจับคู่ระหว่างสีเข้มจากกาแฟและสีขาวจากนม รับรู้รสชาติและกลิ่นว่ามีความเข้ากันได้ดีเพียงใด ”






เธอบอกอีกว่า คนเวียดนามยังคงพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟสารอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้ผลิตเท่านั้นที่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพเมล็ดกาแฟ ทั้งบาริสต้า เจ้าของร้าน และลูกค้า ก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพกาแฟเช่นเดียวกัน ดังนั้น ตลาดกาแฟในเวียดนามจึงมีการเติบโตขึ้น หลายๆ คนหันมาดื่มกาแฟก็เพราะมีตัวเลือกมากมาย ไม่ใช่แค่เฉพาะเมล็ดกาแฟเท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกได้ถึงวิธีการชงด้วย ในบรรดาวิธีการชงกาแฟทั้งหลาย กาแฟแบบ Phin และเมนูเอสเพรสโซนั้นจะได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม

นอกจากทำหน้าที่ต่างๆ อันหลากหลายแล้ว อีกงานหนึ่งที่เธอชอบก็คือ การทำงานหลังบาร์และชงกาแฟให้คนดื่ม ทำให้เราสบโอกาสถามเธอว่า เธออยากจะบอกอะไรกับกับคนที่มีความสนใจในเรื่องของกาแฟและอยากจะเป็นบาริสต้าที่ดีบ้าง คุณ Julie ให้คำตอบกับเราอย่างน่าสนใจเลยทีเดียว

คนเวียดนามยังคงพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟสารอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้ผลิตเท่านั้นที่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพเมล็ดกาแฟ ทั้งบาริสต้า เจ้าของร้าน และลูกค้า ก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพกาแฟเช่นเดียวกัน



คุณจะต้องทำทุกอย่างด้วยหัวใจ ฉันเชื่อว่านั่นคือวิธีที่รวดเร็วที่สุดที่จะเห็นผล

“คุณจะต้องทำทุกอย่างด้วยหัวใจ ฉันเชื่อว่านั่นคือวิธีที่รวดเร็วที่สุดที่จะเห็นผล ไม่ใช่เพราะความรู้และทักษะเท่านั้นที่จะทำให้คุณเป็นบาริสต้าที่ดีได้ แต่เป็นเพราะความหลงใหลในการทำกาแฟให้กับผู้ดื่ม และความต้องการที่จะแบ่งปันเรื่องราวกาแฟของคุณต่างหาก ที่จะทำให้กาแฟแก้วนั้นเต็มไปด้วยรสชาติของความรื่นรมย์อันแสนสุข”


ก่อนจะจากกัน เราอยากให้เธอทิ้งท้ายอะไรไว้หน่อย คุณ Julie บอกว่าฉันรู้สึกมีความสุขมาก กาแฟทำให้ฉันมีสายสัมพันธ์อันสวยงามกับคนมากมาย และฉันอยากจะขอบคุณเพื่อนๆ ชาวไทยทุกคน พวกคุณให้การต้อนรับฉันอย่างดี และยังแบ่งปันความรัก ความหลงใหล ความสร้างสรรค์ และเชื่อใจฉันเสมือนพี่น้อง ฉันขอขอบคุณทุกๆ คน และฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการมาประเทศไทย ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ค่ะ”


ขอบคุณรูปภาพจาก : Vietnam Barista School

495 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page