top of page

Kona Coffee กาแฟพิเศษจากฮาวาย



" Kona Coffee กาแฟที่มีกรดเปรี้ยวต่ำ มีเอกลักษณ์ที่ความสะอาด รสชาตินุ่มนวล บอดี้หนักแน่น และรสชาติที่ผสมสานกันอย่างลงตัว ระหว่างน้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง ผลไม้ และช็อกโกแลตนม "


ภูมิภาค Kona ฮาวาย สถานที่ที่คอกาแฟหลายคนคงจะคุ้นหูกันดี เพราะชื่อนี้คือสถานที่ปลูกกาแฟคุณภาพ ที่เป็นหนึ่งในกาแฟที่หายากที่สุดในโลก อย่าง Kona Coffee กาแฟที่มีกรดเปรี้ยวต่ำ มีเอกลักษณ์ที่ความสะอาด บอดี้หนักแน่น และรสชาติที่ผสมสานกันอย่างลงตัวระหว่างน้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง ผลไม้ และช็อกโกแลตนม ความสมดุลของรสชาติที่ค้างอยู่ในคอ และกลิ่นที่หอมหวาน คือประสบการณ์สุดพิเศษที่กาแฟ Kona มอบให้กับทุกคนที่ได้มาลิ้มลอง จนเป็นที่ถูกอกถูกใจคอกาแฟไปทั่วโลก



" ความพิเศษของกาแฟ Kona มาจากทำเลในการปลูกที่เหมาะสม โดยไร่กาแฟ Kona Coffee Belt ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟ Hualalai และภูเขาไฟ Mauna Loa ในเขตภาคเหนือและภาคใต้ของฮาวาย "


ความพิเศษของกาแฟ Kona มาจากทำเลในการปลูกที่เหมาะสม โดยไร่กาแฟ Kona Coffee Belt ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟ Hualalai และ ภูเขาไฟ Mauna Loa ในเขตภาคเหนือและภาคใต้ของฮาวาย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ เป็นพื้นที่ที่มีดินอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วย ไนเตรต ฟอสเฟต เหล็ก และแมงกานีส ที่สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชให้แข็งแรงได้ ดินภูเขาไฟเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเมล็ดกาแฟ Kona มาก เนื่องจากเป็นดินที่เกิดจากการปะทุขึ้นมาจากส่วนลึกภายในพื้นโลก จึงเต็มไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นมากมาย นอกจากนี้ภูมิภาค Kona ยังเป็นสถานที่ที่มีแสงแดดยามเช้า และอากาศในตอนกลางคืนอบอุ่นสบายเนินเขาทางตะวันตกของ Kona มีเมฆปกคลุมทุกวัน จึงสามารถให้ร่มเงาเพียงพอต่อการปกป้องต้นกาแฟจากความร้อนของแสงแดดที่มากเกินไปได้ เมื่อรวมกับระดับความสูงที่มากถึง 3,000 ฟุตและความลาดเอียงที่พอดีของพื้นดินกาแฟ Kona จึงสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี และให้เมล็ดที่หอมหวาน และมีเอกลักษณ์ของแหล่งปลูกชัดเจน


นอกจากสถานที่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้กาแฟ Kona มีความพิเศษ คือการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลผลิต ฤดูเก็บเกี่ยวในฮาวายจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม โดยเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เกษตรกรก็จะดำเนินการอย่างพิถีพิถัน เมล็ดกาแฟทุกเมล็ดจะถูกเก็บด้วยมือ และใส่ลงในตะกร้า ก่อนจะมีการนำเข้าเครื่องเพื่อแยกเมล็ดกับเปลือกออกจากกัน จากนั้นคนงานจะนำเมล็ดกาแฟ Kona ไปล้างด้วยน้ำจืดอย่างระมัดระวังก่อนจะนำไปใส่ถังหมัก เพื่อหมักอย่างต่ำ 12 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปตากแห้ง และเข้าสู่กระบวนการสีและคั่วต่อไป เรียกว่ากระบวนการแปรรูปกาแฟในแต่ละขั้นตอนนั้นเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ และผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้กลับมาคือกาแฟที่มีมาตรฐานตรงตามกระทรวงเกษตรแห่งรัฐฮาวาย และเป็นกาแฟคุณภาพสูง ที่คอกาแฟทั่วโลกจะต้องลิ้มลองให้ได้สักครั้ง


 

แหล่งข้อมูล : https://collectionsofwaikiki.com


 

Coffee Traveler

เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook : Coffee Traveler

Instagram : coffeetraveler_magazine

Youtube : Coffee Traveler

Blockdit : I am Coffee Traveler / coffeetravelermag

19 views0 comments
bottom of page