top of page

ป๋าชาติ 👨🏻 ผู้เฒ่าใหญ่ใจไม่เกษียณ

Updated: Aug 20, 2022

“อดีตรับราชการทหารอากาศที่เชียงใหม่ ตระเวนทัวร์ป่ามาแล้วเกือบทุกเส้นทาง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศ เคยเปิดอู่ทำรถแต่งรถ เปลี่ยนมาทำรถตู้นอนไว้ไปเที่ยว ตอนนี้กู้รถที่ดอยผาตัด และเป็นเจ้าของร้าน Drip Coffee Magic Man ที่เขาค้อ” โชกโชนด้วยประสบการณ์ชีวิตมา 72 ปี ได้พยายามลองทำอะไรมานับครั้งไม่ถ้วน จนกลายมาเป็นบุคคลในตำนานอันเลื่องชื่อ ป๋าชาติ - ชูชาติ สุวรรณประเสริฐ (Choochart Suwanprasert)

ครั้งนี้เราได้พูดคุยกับป๋าชาติ ผู้เฒ่ารุ่นใหญ่ที่มีชั่วโมงบินสูง มากด้วยประสบการณ์หลากหลายด้าน ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายช่วงของชีวิต ผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการกว้างขวาง ด้วยฉายาชาติหมอผี The lord of the mountain และฉายาล่าสุดป๋าชาติพ่อมดแห่งเขาค้อ ผู้เฒ่าวัยเกษียณคนนี้จะพาไปส่องเรื่องราวอันมากมายที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา



“เดิมผมคุ้นเคยกับป่ากับธรรมชาติอยู่แล้ว แรกเริ่มผมทำอาชีพรับราชการที่เชียงใหม่ เคยตระเวนแบบ Adventure เกี่ยวกับเส้นทางธรรมชาติป่า ร่วมนำทางนักวิจัยต่างชาติเข้ามาสำรวจเกี่ยวกับกลุ่มนกอพยพ ต่อมาก็สำรวจเกี่ยวกับกล้วยไม้ป่า แล้วย้ายมาทำงานการตรวจสอบสายพันธุ์ไม้ เปลี่ยนมาแข่งออฟโรด ทำอู่รถ ซ่อมรถ แต่งรถ ทั้งรถนานาชาติมาเลเซีย และยุโรป” ป๋าชาติเล่าถึงช่วงวัยที่ผ่านมา


ประสบการณ์ที่โดดเด่นในเส้นทางชีวิต ป๋าบอกต้องยกให้เรื่องป่า เรื่องรถ เรื่องเที่ยว และเรื่องกาแฟ ป๋าเล่าว่า ชาติหมอผีได้มาตอนที่เดินตระเวนป่า เพราะป๋าเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในป่าได้เสมอ ทั้งการกู้รถ รถเสีย ปัญหาทุกอย่าง ทุกคนจึงเรียกขานว่า “หมอผี” สมัยก่อนตอนป๋าอายุประมาณ 19 ปี ได้ท่องป่าเพื่อหาอาหารไปกับกลุ่มพรานรุ่นพี่แถบไทรโยค ทำให้ได้รับความรู้เรื่องป่ามาเยอะ จนย้ายมาอยู่เชียงใหม่ก็ยังเที่ยวตระเวนไปตามป่าภาคเหนือ ตั้งแต่จังหวัดตากไปจนถึงเชียงราย ป๋าบอกว่าท่องป่าไปก็เหมือนได้เที่ยวไปด้วย และสมัยนั้นต่างชาติเข้ามาเมืองไทยเพื่อทำวิจัยต่างๆ ป๋าก็เป็นผู้ช่วยคนนำทางให้เขา ทั้งงานวิจัยเกี่ยวกับนกอพยพ และเรื่องกล้วยไม้ป่าของเอเชียได้พาเขาไปถ่ายทำค้นหาตามป่าตามดอย “ผมทำงานเกี่ยวกับป่า เดินป่า ตระเวนป่ามาเยอะ และร่วมนำทีมกลุ่มนักวิจัยกับต่างชาติด้วย ไปเส้นทางชายแดน พื้นที่อันตราย ไปมาเกือบทุกที่ ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ในเรื่องของป่า”


ชาติหมอผีได้มาตอนที่เดินตระเวนป่า เพราะป๋าเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือแก้ปัญหา

ที่เกิดขึ้นในป่าได้เสมอ ทั้งการกู้รถ รถเสีย ปัญหาทุกอย่าง

ทุกคนจึงเรียกขานว่า “หมอผี”



เราถามต่อว่าแล้วป๋าเริ่มเข้าสู่วงการของรถตอนไหน เพราะจากที่ป๋าเล่ามาก็ดูจะเป็นเรื่องราวที่เยอะมากมายแล้ว ป๋าจึงเล่าต่อว่าเรื่องรถเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เริ่มจากมีกลุ่มเพื่อนๆ ชักชวนไปดูการแข่งขันออฟโรดที่กาญจนบุรี เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นครั้งแรก “พรรคพวกชวนไปเที่ยวไปดูการแข่งขัน แต่ก็ไม่ค่อยรู้จักใคร เพื่อนก็ชักชวนให้ลงแข่ง เขาจะออกค่าใช้จ่าย ค่าสมัครให้เอง ผมก็เลยลงแข่ง ลงไปแบบไม่คิดอะไร เพราะว่าผมไม่ได้กลัว ผมเคยขับรถท่องป่าทางวิบากอยู่แล้ว ท่องป่าท่องดอยมานานตั้ง 30 - 40 ปี ตรงนี้มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของวงการรถเรื่อยมา” ประกอบกับช่วงนั้นมีการจัดงานแข่งขันรถ Jeep ของโลกขึ้นที่เชียงใหม่ ทำให้มีนักข่าวกว่า 100 ประเทศมาถ่ายทำ ป๋าก็รับหน้าที่จัดการวางเส้นทางต่างๆ ทำเอาเหล่านักข่าวต่างประเทศทึ่งจนตั้งฉายาใหม่ให้อีกว่า “The lord of the mountain” เป็นชื่อที่กลุ่มคนรถต่างประเทศรู้จักป๋า กระทั่งปี 1998 มีโอกาสไปแข่งรถที่มาเลเซียจนได้แชมป์โลก ป๋าบอกว่าตอนนั้นเป็นทั้งนักแข่ง เป็นช่าง และเป็นโค้ชเองด้วย หลังจากนั้นปี 2000 ได้ลงแข่งขันอีกครั้ง แต่น่าเสียดายต้องงดการแข่งขันไปกระทันหัน เพราะป๋าเป็นไข้มาลาเลียก่อนการแข่งขันเพียง 1 วัน ทำให้พลาดโอกาสในการแข่งครั้งนั้นไป แต่โชคชะตาของเส้นทางรถไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ หลังจากนั้นมีคนจากประเทศสวีเดนเข้ามาตามหาตัวป๋าถึงเชียงใหม่ ป๋าบอกว่าพวกเขาตามมาจากฉายา The lord of the mountain อยากให้ป๋าไปขับออฟโรดโชว์ที่ยุโรป ในตอนแรกป๋าก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะให้ไปจริงๆ จนป๋าได้ไปโชว์ฝีมือถึงต่างประเทศทั้งสวีเดน และนอร์เวย์ และจากนั้นก็ได้มีโอกาสอีกเรื่อยๆ ในส่วนของเรื่องราวเกี่ยวกับรถป๋ายังเล่าถึงเหตุการณ์ประทับใจต่ออีกว่า “ผมได้ทำงานกู้รถมา 8 ปี เพราะอยากเข้าไปช่วยเหลือตรงนั้น คิดว่าถ้าเป็นผมก็คงต้องการความช่วยเหลือด้วย ครั้งหนึ่งมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง รถตกร่องทางขึ้นดอย ได้ขอความช่วยเหลือไปในหลายๆ ที่ แต่ทุกคนก็แนะนำให้ไปที่ผมหมด ผมก็เลยไปช่วย” เรียกว่าเส้นทางเรื่องรถของป๋าทำให้เรายิ้มและตะลึงไปกับความสามารถของผู้เฒ่าคนนี้จริงๆ


พวกเขาตามมาจากฉายา The lord of the mountain อยากให้ป๋าไปขับออฟโรดโชว์ที่ยุโรป ในตอนแรกป๋าก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะให้ไปจริงๆ จนป๋าได้ไปโชว์ฝีมือถึงต่างประเทศทั้งสวีเดน และนอร์เวย์



อย่างที่ป๋าบอกว่าการเดินป่าตระเวนป่าก็คือการได้ไปเที่ยว ไปผจญภัย จากความชอบส่วนนั้นทำให้ป๋าเปิดบริษัททัวร์ของตัวเองที่เริ่มเปิดมากว่า 20 ปีแล้ว บริษัทแรกชื่อ เบิร์ด วอชชิ่ง ตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ เป็นทัวร์ส่องนก “ผมได้ความรู้มาจากอาจารย์ชาวอเมริกาที่มาหาทุกปี ผมก็เลยมีความรู้ตรงจุดนี้” แต่ตอนนี้ทัวร์ส่องนกของป๋าได้ปิดกิจการไปแล้ว เพราะป๋าได้ย้ายไปอยู่เขาค้อ จึงได้เปิดบริษัททัวร์ที่ครั้งชื่อว่า เขาค้อ Adventure

จากการได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ป๋ารู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา ผู้คนจากเกือบทุกแวดวงอาชีพ ด้วยประสบการณ์ และความเป็นมิตรอัธยาศัยดีที่ป๋าส่งต่อให้ผู้คนที่เข้ามาหาอยู่เสมอ ทำให้ทุกวันนี้ป๋าชาติมีกลุ่มคนที่รัก หรือกลุ่มแฟนคลับที่คอยติดตาม คอยส่งกำลังใจให้กับทุกความเคลื่อนไหวของป๋า เรียกได้ว่าไม่ว่าป๋าจะทำอะไรก็มีแรงเชียร์แรงสนับสนุนป๋าอยู่ตลอด “ทุกวันนี้ก็ยังมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นอยู่ ทั้งกลุ่มรถที่เคยออฟโรดกัน กับพวกสาวๆ (หัวเราะ) ที่แวะเวียนไปถ่ายรูป ดื่มกาแฟกัน”


หมอผี - The lord of the mountain – ไปสู่ตำนาน “พ่อมดแห่งเขาค้อ”

“อย่างแรกที่ชอบในเส้นทางกาแฟคือ มันเป็นงานที่ไม่หนักเกินไป และเราได้คุย ได้แลกเปลี่ยนความคิดต่างๆ มันไม่เหงา เพราะกาแฟเป็นตัวพ่วงเชื่อมโยงกัน ทำให้ได้รู้จักคน”



ได้ฟังเรื่องราวที่ป๋าเล่ามานั้น หากย้อนกลับไป ป๋าได้ทำหลายสิ่งหลายอยากมากในชีวิต แต่อะไรกันที่ทำให้ป๋าก้าวเข้ามาสู่เส้นทางกาแฟนี้ ป๋าชาติเริ่มเล่าต่อว่า “ทำอู่ซ่อมรถแล้วเลิก ต่อมามีการตั้งเป้าหมายใหม่ว่าจะทำรถตู้นอน และก็มีคนเสนอว่าถ้าทำรถตู้นอนก็ทำร้านกาแฟด้วยสิ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับด้านกาแฟ ก็คิดว่าทำยังไงให้คนมากินกาแฟ จนเกิดแนวคิดทำให้คนมาถ่ายรูปร้านเรา จากจุดประกายความคิดนั้นได้จัดมุมให้มีคนมาถ่ายภาพ ลูกค้าผ่านไปมาก็เข้ามาถ่ายรูป เช็คอิน มีทั้งลูกค้าที่รู้จัก คนเก่าแก่ เพื่อน พี่น้องเข้ามา และมีการแชร์ เช็คอินร้านผ่านทางโซเซียล ทำให้คนรู้จักร้านมากขึ้น” จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ร้าน Drip Coffee Magic Man เป็นร้านขวัญใจกับแขกบ้านแขกเมืองที่แวะเข้าไปยังเขาค้อ


ถ้าจะพูดถึงร้าน Drip Coffee Magic Man ของป๋าชาติแล้วเนี่ย บอกเลยว่าตัวร้านมีความโดดเด่นเป็นที่สุด แม้ว่าใครยังไม่เคยแวะเวียนไปที่ร้าน หากได้ไปก็ต้องสะดุดตากับตัวร้านที่เป็นจุดเด่นของร้าน “ที่ร้านจะเปลี่ยนตัวรถไม่ให้ซ้ำกัน แขกไปใครมาก็จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงร้านเสมอ รถเป็นรถทรงเก่า แต่เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ผมเอาความรักความชอบรถ และเอาศิลปะมาประยุกต์ใช้แต่งร้าน เมนูส่วนใหญ่จะเป็นของร้อนเพราะอากาศที่นี่มันหนาว ทำกาแฟไปก็ชวนพูดไป เหมือนสภากาแฟทั่วไป แต่ร้านจะย้ายไปเรื่อยๆ ในบริเวณจุดชมวิวเขาค้อ ไม่อยู่หัวแถวก็อยู่ท้ายแถว เพราะร้านเราใหญ่” ป๋าพูดพร้อมหัวเราะออกมา ด้วยบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยเมฆหมอก ทิวเขา และธรรมชาติของเขาค้อแล้วยิ่งทำให้ใครๆ ก็อยากเข้าไปถ่ายรูปเช็คอินที่ร้าน


จากผู้ที่ไม่มีความรู้ในด้านกาแฟแต่อาศัยการแลกเปลี่ยนพูดคุย แบ่งปันเรื่องราวกาแฟกับลูกค้าเป็นหลัก จนทำให้ก้าวมาเป็นป๋าชาติในตำนานแห่งเขาค้อในปัจจุบัน แต่ป๋าบอกกับเราว่าน่าเสียดายที่ช่วงนี้จำหน่ายเมนูได้เพียงบางส่วน “ช่วงนี้ต้องหยุดดริปไป จะเน้นขายมอคค่าร้อนๆ ต้องระวังเรื่องความสะอาดปลอดภัย ชงใส่แก้วกระดาษระวังมากขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ยังชอบมาถ่ายรูปเหมือนเดิม โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่คนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศดี อากาศหนาว มองไปเห็นทะเลหมอกเต็มตา”



จากผู้ที่ไม่มีความรู้ในด้านกาแฟแต่อาศัยการแลกเปลี่ยนพูดคุย แบ่งปันเรื่องราวกาแฟกับลูกค้าเป็นหลัก จนทำให้ก้าวมาเป็นป๋าชาติในตำนานแห่งเขาค้อในปัจจุบัน


ป๋าชาติมองไปในอนาคตว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ลูกค้าเก่าๆ ได้เห็นความแปลกใหม่ ลองจัดพื้นที่ใหม่เพื่อให้ถ่ายรูป แต่ไม่คิดที่จะขยายสาขาอื่น “คนอื่นก็ทำไม่เหมือนกับเราทำเอง เรามีเอกลักษณ์ การใส่ใจในแบบของตัวเอง อย่างบางคนที่จะเข้ามาเขาจะโทรถามเราก่อน แต่บางคนที่มาแบบไม่ให้รู้ตัวก็ต้องพลาดเพราะบางครั้งต้องหยุดขายกลางคัน ต้องไปกู้รถให้เขาเลยต้องปิดร้าน มันไม่มีใครทำได้ นอกจากป๋า นี่เลยเป็นเอกลักษณ์ของร้าน”


ผู้เฒ่ารุ่นใหญ่หัวใจไม่เกษียณ

เรากลับมาถามป๋าชาติอีกว่าถ้าให้นิยามความเป็นตัวเอง ป๋าจะเรียกตัวเองว่ายังไง เพราะด้วยหลายสิ่งที่ป๋าทำมาทั้งในอดีต และปัจจุบันนับจำนวนไม่ถ้วนเอาซะเลย “ตอนนี้ผมทำอะไรนะเหรอ ขายกาแฟ รับแขกที่จะเข้าป่าและโฆษณารถ พวกบริษัทที่มาทดสอบรถที่เขาค้อ หรือที่มาถ่ายทำโฆษณา และไปกู้รถบ้างโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน” ที่กล่าวมานี้หากเป็นคนทั่วไปแล้วคงรับมือจัดการได้ไม่ไหวแน่ๆ และเรายังถามถึงความประทับใจที่สุดของป๋าว่าคืออะไร ป๋าตอบแบบไม่ลังเลใจเลยว่า “ประทับใจมากเรื่องของกาแฟ เพราะทำให้เจอคนหลายรูปแบบ ที่นี่เหมือนสภากาแฟ ให้คนมาเยี่ยมหากันอยากจะมาพูดคุย มาเจอตัวจริง อยากจะได้ความรู้จากผมบ้าง จะมีคนมาหาตลอด ผมก็เลยมีความสุขที่ได้พูดคุย คนที่ไม่ได้เจอกัน 10 – 20 ปี ก็มาหากัน ได้มาพูดคุยกัน หรือมานัดเจอกันร้านผมที่เขาค้อนะ มาเจอกันร้านพี่ชาตินะ เหมือนเป็นจุดเซนเตอร์ให้คนมาเจอกัน และก็มีคนมาถ่ายรูป มาขอให้ผมถ่ายรูปให้ บางคนมาร้านก็ซื้อของมาฝากกัน เขามาแล้วเขาแฮปปี้ เขามีความสุข เหมือนได้มาหาญาติเวลามาหา ผมเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ ใครไปใครมาก็เรียกป๋าๆ กัน”



ก่อนจบบทสนทนาในครั้งนี้ป๋าชาติถามเรากลับมาว่า “พวกคุณเคยซื้อกาแฟที่แพงที่สุดเท่าไหร่ ร้านผมนะกาแฟแพงสุด 1,000 หรือ 2,000 บาท มันไม่ใช่ค่ากาแฟจริงๆ หรอกนะ มันเป็นน้ำใจของลูกค้าที่เขาเห็นเราใส่ใจ เต็มที่ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเขาเสมอ ความเป็นมิตร และความเป็นกันเองมันเป็นค่าตรงนี้มากกว่า ผมมีความสุขดีนะ ที่ได้ขายกาแฟ ได้พูดคุย ได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน รวมทั้งได้ช่วยคนอื่นด้วย”


“ตอนนี้ผมทำอะไรนะเหรอ ขายกาแฟ รับแขกที่จะเข้าป่าและโฆษณารถ พวกบริษัทที่มาทดสอบรถที่เขาค้อ หรือที่มาถ่ายทำโฆษณา และไปกู้รถบ้างโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน”

 

Coffee Traveler

เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler

Youtube : Coffee Traveler

170 views0 comments
bottom of page